รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ชี้ กมธ.เสียงข้างมากตีตกข้อเสนอ “สสร.“ เพื่อไทยกังวลที่มา กรรมาธิการยกร่างฯ ไม่ยึดโยงประชาชน โต้ถูกใส่ร้ายถ่วงเวลา ชี้บางพรรคใช้แก้ รธน. เป็น “ตัวประกัน” แลกรอดซักฟอก
น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ แถลงความคืบหน้าการทำงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (แก้ไขเพิ่มเติม) ว่า ขณะนี้คณะกรรมาธิการได้พิจารณาไปแล้วประมาณ 14 มาตรา จากทั้งหมดกว่า 30 มาตรา และในฐานะที่ดิฉันเป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการ ขอรายงานความคืบหน้าว่า ขณะนี้…กรรมาธิการได้พิจารณาไปแล้วประมาณ 14 มาตรา จากทั้งหมด 30 กว่ามาตราในร่าง
น.ส.ขัตติยา แสดงความกังวล ต่อมติของกรรมาธิการเสียงข้างมากที่ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้ง “สภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร. (สภาร่างรัฐธรรมนูญ)” เพื่อทำงานคู่กับ “กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ” ทั้งที่พรรคเพื่อไทยเห็นว่า สสร. เป็นกลไกที่ผูกพันกับประชาชนมากกว่า สะท้อนความหลากหลาย และสร้างการมีส่วนร่วมได้จริง
รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวต่อว่า แม้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยจะตกไปตอนพิจารณาวาระ 1 ก็ตาม แต่เราก็เห็นว่า การมี สสร. นั้นมีข้อดีอยู่มาก เพราะเป็นรูปแบบการยกร่างรัฐธรรมนูญที่ ‘เป็นที่ผูกพันกับประชาชน’ และสะท้อนความหลากหลายของสังคม พร้อมย้ำถึงความสำเร็จของ สสร. ปี 2540 ที่สร้างการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวาง และสร้างความน่าเชื่อถือในกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญ และสสร. ยังเป็นกลไกที่สาธารณชนคุ้นเคย และช่วยสร้างความเชื่อมั่นในความเป็นอิสระ ไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของสภาใด เป็นการลดข้อกังขาว่าแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อคนกลุ่มใดโดยเฉพาะ
อย่างไรก็ดี ข้อเสนอนี้ไม่ผ่านความเห็นชอบในชั้น กมธ. โดย กมธ. เสียงข้างมากเลือกใช้กลไก “กมธ.ยกร่าง” เพียงระดับเดียว มีสมาชิก 35 คน มาจากการเสนอชื่อแบบ “20 หยิบ 1” (สมาชิก 20 คนเสนอชื่อได้ 1 คน) และตั้ง “กมธ.รับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญ” อีก 35 คน ซึ่งคัดเลือกโดยรัฐสภาจากบัญชีรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการคัดเลือก โดยพรรคเพื่อไทยยังมีความกังวลว่า โครงสร้างทั้งสองชุดไม่มีความยึดโยงกับประชาชนเหมือน สสร. ไม่สะท้อนความหลากหลายและการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องคุณสมบัติของกรรมาธิการ เพราะไม่ได้มีที่มาจากการเลือกตั้งทางอ้อมของประชาชนเหมือน สสร.
น.ส.ขัตติยา เผยว่าในสัปดาห์หน้า พรรคเพื่อไทยจะผลักดันให้ปรับที่มาของกรรมาธิการให้ยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด พร้อมเตือนถึงความเสี่ยงที่กลุ่มการเมืองอาจ “จัดตั้ง” เพื่อควบคุมกระบวนการ เช่นกรณี “ฮั้ว” ที่เพิ่งเกิดขึ้น
ในประเด็นที่พรรคเพื่อไทยถูกกล่าวหาว่าจงใจถ่วงเวลากระบวนการแก้รัฐธรรมนูญ นางสาวขัตติยาปฏิเสธ พร้อมระบุว่า “ถือเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงเป็นอย่างมาก ไม่มีเหตุผลอะไรที่พรรคเพื่อไทยต้องถ่วงเวลา เพราะถ้าดูจากอดีต พรรคเพื่อไทยเสนอให้แก้รัฐธรรมนูญปี 2560 ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งปี 2566 แล้ว
นางสาวขัตติยา ยังตั้งข้อสังเกตว่า สาเหตุของความล่าช้าอาจมาจาก พรรคการเมืองบางพรรคจงใจใช้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็น ‘ตัวประกัน’ (สิ่งที่ถูกนำไปใช้เป็นเงื่อนไขต่อรอง) เพื่อแลกเปลี่ยนกับการไม่ให้มีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่
“หากย้อนประวัติศาสตร์การเมืองไทย ไม่มีพรรคใดได้รับผลกระทบจากกลไกที่ไม่เป็นประชาธิปไตยมากเท่าพรรคเพื่อไทย แต่เรายังคงต่อสู้และผลักดันรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ย่อท้อ” นางสาวขัตติยา กล่าว
รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวต่อว่า พรรคเพื่อไทยยังคงเรียกร้องให้เปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อให้กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญเดินหน้าได้ทันกำหนดก่อนการยุบสภาตามข้อตกลงบันทึกความเข้าใจร่วม (MOA : บันทึกความเข้าใจร่วมกัน) และให้สามารถจัดประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไปได้ตามแผน
ทั้งนี้ นางสาวขัตติยา ทิ้งท้ายว่า พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายจริงใจและจริงจังร่วมกันแก้ไขกติกาสำคัญของประเทศในโอกาสที่มาถึงในครั้งนี้ และขอเรียกร้องเพื่อนๆ สมาชิกรัฐสภาที่ประกาศว่า มีความมุ่งมั่นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญกว่าใคร ให้ความสำคัญและเรียกร้องความรับผิดชอบจากพรรคการเมืองบางพรรคและสมาชิกรัฐสภาที่เกี่ยวข้อง ในฐานะที่มีข้อตกลงร่วมกันว่าจะผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แลกกับความไว้วางใจโดยไปสนับสนุนคุณอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้สำเร็จ และอย่าให้ข้อตกลงนั้น กลายเป็นความสูญเปล่า และสร้างความผิดหวังให้ประชาชนไปมากกว่านี้