กมธ.แก้รธน. ลงมติปัด "สสร." ตั้ง กมธ.ยกร่างฯ แทน พบมติ "ปชน." จับมือ "ภูมิใจไทย–สว." หนุน

กมธ.แก้รธน. ลงมติปัด
กมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญ มีมติ 22 ต่อ 8 เสียง ตัดสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ออกจากกระบวนการร่างฉบับใหม่ หนุน  "กมธ.ยกร่าง"  และคณะกรรมการรับฟังความคิดเห็นประชาชน   "ปชน." จับมือ "ภูมิใจไทย–สว." หนุน

ที่รัฐสภา นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว. ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา แถลงผลการประชุมกมธ.ฯ ซึ่งมีข้อยุติต่อประเด็นการกำหนดให้ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างงรัฐธรมนูญ เป็นองค์กรจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพียงองค์กรเดียว ว่า ที่ประชุมได้ลงมติในหลักการที่ได้ข้อยุติแล้ว คือให้มี กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35 คน และให้มีกรรมการรับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน จำนวน 35 คน แทนสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้การพิจารณาถือว่าผ่านในหลักการสำคัญแล้ว ประเด็นต่อไปจะหารือในรายละเอียดที่มาของกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และกรรมการรับฟังความคิดเห็น อย่างไรก็ตามกมธ.ฯได้หารือถึงฉากทัศน์ที่จะเกิดขึ้นต่างๆ จึงต้องพูดคุยเพื่อให้มีข้อสรุปที่รอบคอบมากยิ่งขึ้น

เมื่อถามถึงหลักการที่จะทำให้เกิดการยึดและเชื่อมโยงกับประชาชน นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่าความเห็นกมธ.ทุกคนเห็นด้วยกับการมีการเลือกตั้งโดยประชาชน แต่ที่ต้องโหวตแก้ไขในประเด็นสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพราะเกรงว่าจะขัดกับคำวินิจฉัยหรือความเห็นของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งทำให้การผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องล่าช้า

"ถ้ากระบวนการเริ่มต้นของการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่สามารถทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการต้นน้ำได้ เช่น การเลือกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.) สามารถมุ่งเน้นกระบวนการกลางน้ำ หรือ การมีส่วนร่วม รับฟังความเห็นของประชาชนได้ ซึ่ง กมธ.ฯได้คุยในหลักการว่าจะออกแบบกระบวนการดังกล่าวให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม และมีความหมายมากให้ที่สุด เพื่อชดเชยการไม่มีคูหาเลือกตั้งได้" นายนรเศรษฐ์ กล่าว

นายนรเศรษฐ์ กล่าวด้วยว่าในขั้นตอนต่อไป กมธ.ฯ จะหารือในรายละเอียดเพื่อกำหนดที่มาของ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และ กรรมการรับฟังความคิดเห็น การวางบทบาท รวมถึงคุณสมบัติ ดังนั้นคนที่จะสมัครเข้ามาจะแตกต่างตามบทบาทหน้าที่ ซึ่งอยู่ระหว่างการออกแบบ โดยในกระบวนการคัดเลือกต้องให้รัฐสภาเป็นผู้เลือก

เมื่อถามว่า จะมีการกำหนดกลไกเพื่อไม่ให้ฝ่ายการเมืองใช้อิทธิพล หรือ เข้ามาครอบงำการเลือก กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และกรรมการรับฟังความเห็นอย่างไร นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า มาตราที่จะพิจารณาต่อจากนี้ คือ กระบวนการที่ป้องกันที่จะเกิดความเสี่ยงที่ทำให้เสียงข้างมากของรัฐสภาลากไป ซึ่งเป็นกระบวนการที่ป้องกันการครอบงำของฝ่ายการเมือง

ขณะที่ น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคประชาชน ในฐานะโฆษก กมธ.ฯ กล่าวว่า เหตุผลที่ที่ประชุมโหวตเสียงข้างมากให้เปลี่ยนแปลงจากสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรรมนูญ ไปเป็นคณะกรรมการรับฟังความคิดเห็น และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน เพราะข้อเสนอดังกล่าว กมธ.ฯ ไม่เห็นด้วย เนื่องจากมีที่มาจากการเลือกตั้ง ดังนั้น กมธ.ฯ ต้องพิจารณาทางเลือกอื่น ซึ่งที่ประชุมเห็นด้วยกับข้อเสนอของนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย เสนอ อย่างไรก็ตามคณะกรรมการรับฟังความเห็นฯ ที่ให้มี 35 คนนั้น จะมีที่มาจากการเลือกของรัฐสภา

เมื่อถามว่ากมธ.ฯ กังวลใจหรือไม่ ว่าข้อสรุปของกมธ.ฯ จะเกิดการถกเถียงในชั้นของรัฐสภา เพราะสสร. ถือเป็นองค์กรที่ได้รับการเชื่อถือจากการร่างรัฐธรรมนูญมาก่อน น.ส.พนิดา กล่าวว่า กมธ.ฯ มีเหตุผลที่จะสนับสนุนและตอบคำถามของสมาชิกรัฐสภาได้ ซึ่งในการพิจารณาของกมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญ จะหาทางเพื่อป้องกันการผูกขาดโดยเสียงข้างมากของรัฐสภา

ด้านนายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ ส.ว. ในฐานะโฆษกกมธ.ฯ กล่าวว่า สำหรับการพิจารรณาของกมธ.ฯ กำหนดว่าภายในวันที่ 14 พ.ย.นี้ จะทำเนื้อหาให้เสร็จสิ้น จากนั้นวันที่ 18-19 พ.ย. จะเชิญผู้เสนอคำแปรญัตติให้เข้าชี้แจง และเมื่อทำเสร็จแล้วจะกำหนดวันประชุมร่วมกันของรัฐสภา เบื้องต้นจะเป็นการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับผลการลงมติเพื่อตัดสิน ว่าจะเลือกแนวทางใด ระหว่าง กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ เพียงองค์กรเดียว หรือให้มีสภาร่างธรรมนูญ(สสร.) และ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ พบว่า มติข้างมาก 22 ต่อ 8 เห็นด้วยให้มีเฉพาะกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเสียงข้างมากนั้นได้รับการสนับสนุนจาก กมธ.ฝั่งพรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย และ สว.ส่วนใหญ่ ขณะที่เสียงข้างน้อย เป็นกมธ.ของพรรคเพื่อไทย และแนวร่วม

ส่วนประเด็นการตัดสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญออกไป และเปลี่ยนให้เป็น คณะกรรมการรับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนนั้น มติออกมาคือ 22 ต่อ 9 เสียง
 

TAGS: #แก้ไขรัฐธรรมนูญ # กมธ.แก้รธน. #กมธ.ยกร่าง #สสร. #พรรคประชาชน #พรรคภูมิใจไทย #สว.