"ศิริกัญญา" เผย ยังไม่เห็น "รัฐบาล" ทำผิดร้ายแรงจนต้องยื่นซักฟอก ถ้ามีพรรคอื่นยื่น คงเป็นสิทธิ์ ด้าน “ลิณธิภรณ์” ถามกลับ คิดได้ไง ควรเลือกตัดไฟแต่ต้นลม หยุดการใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้อง
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน เผยถึงกรณีการยื่นอภิปรายไว้วางใจ ว่า ในกระบวนการตรวจสอบรัฐบาลสามารถทำได้หลายทาง ทุกวันนี้เราก็ทำหน้าที่ในการตรวจสอบทุกวัน โดยไม่ต้องรอให้มีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ และเราคิดว่าการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะใช้ในการกำกับพรรคภูมิใจไทยให้ปฏิบัติตาม MOA แต่ไม่ปฏิเสธว่าถ้ามีเรื่องร้ายแรง ที่เราไม่สามารถให้รัฐบาลของพรรคภูมิใจไทยซึ่งเป็นแกนนำบริหารประเทศต่อไปได้อีกแม้แต่วันเดียว เราไม่ลังเลใจที่จะยื่นแน่นอน แม้จะเท่ากับว่า MOA จะสูญเปล่า
แต่จนถึงทุกวันนี้ เรายังไม่พบข้อมูลที่คิดว่าร้ายแรงสุดๆ จริงๆ ที่เราอยากกระทุ้งให้รัฐบาลแก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือทำอะไรบางอย่าง เราได้พยายามผลักดันในทุกวิถีทางด้วยกลไกที่เรามีอยู่แล้ว ถ้าจะมีพรรคฝ่ายค้านที่มีเสียงร่วมกันเกิน 1 ใน 5 ของสมาชิกสภา ไปยื่นเราคงห้ามไม่ได้ เป็นสิทธิ์ของเขา แต่ในฐานะที่เป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านเหมือนกัน ก็คงต้องมาคุยกันว่าจะยื่นเมื่อไหร่
เมื่อถามว่าเรื่องทุนเทาที่มีการเปิดประเด็นออกมายังไม่ร้ายแรงอีกใช่หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ต้องรอ Reaction ว่ารัฐบาลจะมีการปฏิบัติอย่างไรในเรื่องนี้ ซึ่งเรายังให้เวลาว่าจะแก้ไขอย่างไรต่อไป จะมีการปลดหรือเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี ที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันหรือไม่ หรือมีข้อมูลข้อเท็จจริงอะไรที่นำมาใช้เป็นเบาะแส ในการแก้ไขปัญหาคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ เราก็ยินดีรอ ว่ามีการกระทำอะไรเกิดขึ้น ในส่วนอื่นๆ เราคิดว่า Action ของรัฐบาลเรื่องการแก้ไขปัญหาคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์ ก็เป็นไปตามแนวทางที่พรรคประชาชนได้นำเสนอต่อประชาชน
แม้จะช้าไปหน่อย ทั้งในการประกาศตัวว่าจะเป็นเจ้าภาพและประกาศสงคราม รวมถึงตั้งคณะกรรมการต่างๆขึ้นมา เราก็ยังเห็นว่าค่อนข้างช้า ต้องกระทุ้งรัฐบาลต่อไป ให้แก้ไขปัญหาเรื่องนี้ให้กระจ่างแจ้ง ไม่ใช่แค่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน แต่น่าจะเป็นการร่วมมือต่อต้านการค้ามนุษย์ในสมัยใหม่ รวมถึงแสวงหาความร่วมมือกับนานาชาติที่เจอปัญหาเดียวกับประเทศไทย
เมื่อถามว่าจะให้เวลารัฐบาลถึงเมื่อไหร่ เพราะเหลือเวลาอีกไม่มาก น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า จริงๆ แล้ว รัฐบาลก็พยายามทำตามมาเรื่อยๆ แต่ในท้ายที่สุด คงจะมีจุดสัมพันธ์ ที่ถ้าข้ามจุดนี้ไปแล้วยังแก้ไม่ได้ ก็คงจะเป็นปัญหา ตอนนี้เรายังติดตามอยู่ว่ากระบวนการต่างๆ เป็นไปได้อย่างสมบูรณ์ รอบคอบ รัดกุมหรือไม่ คงต้องให้เวลากับรัฐบาลในเรื่องนี้
ด้านน.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ อดีต รมช.ศึกษาธิการ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความใน X ว่า การที่คุณศิริกัญญา บอกว่า “รัฐบาลยังไม่ถึงขั้นผิดร้ายแรง” อาจเป็นคำที่สะท้อนว่าพรรคประชาชน กำลังรอให้วิกฤตเกิดก่อนแล้วค่อยตรวจสอบ แต่ฝ่ายค้านควรทำหน้าที่ “ดับไฟตั้งแต่ต้นลม” ไม่ใช่รอให้ลุกไหม้ทั้งบ้าน
การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ การอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน เป็นกลไกตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญที่มีอยู่แล้ว พรรคเพื่อไทยในฐานะฝ่ายค้านมีสิทธิและหน้าที่เต็มที่ในการใช้ช่องทางนี้ เพื่อปกป้องประโยชน์ของประชาชนและความโปร่งใสในการบริหารราชการแผ่นดิน การเข้าชื่อหนึ่งในห้าของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจจึงเป็นสิ่งที่ชอบธรรมอย่างยิ่ง
ขอขอบคุณแกนนำพรรคประชาชนที่ออกมาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าอาจเลือกใช้กระบวนการตรวจสอบในรูปแบบอื่น ซึ่งเป็นสิทธิของแต่ละพรรคในฐานะฝ่ายค้านเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อ ส.ส. ของพรรคประชาชนหลายท่าน ทั้งคุณโรมและคุณรักชนก ได้ออกมาเรียกร้องผ่านสื่อให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาบางประเด็น พร้อมตั้งคำถามต่อรัฐมนตรีบางคนในเชิงสาธารณะ
แล้วเหตุใดจึงไม่ใช้กลไกอภิปรายไม่ไว้วางใจภายในสภา ซึ่งเป็นช่องทางที่มีเอกสิทธิ์คุ้มครองและสามารถเปิดเผยข้อมูลหลักฐานได้เต็มที่ เพื่อให้ประชาชนเห็นข้อเท็จจริงอย่างโปร่งใสและเป็นระบบมากกว่าการตั้งคำถามภายนอก
กรณีความกังวลต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากพรรคประชาชนกังวลว่าการยื่นอภิปรายจะกระทบต่อกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทยพร้อมพูดคุยและหาทางออกร่วมกัน เพราะจุดยืนของเราชัดเจนว่า “การตรวจสอบรัฐบาล” กับ “การผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ” ไม่จำเป็นต้องขัดแย้งกัน
สิ่งสำคัญคือฝ่ายค้านต้องทำหน้าที่ตรวจสอบโดยไม่ปล่อยให้ปัญหาบานปลาย เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ได้หมายถึงการล้มรัฐบาลเสมอไป แต่คือการทำให้รัฐบาลต้องตอบคำถามต่อสาธารณะ และปรับปรุงการบริหารงานให้ดีขึ้นค่ะ