"ชลน่าน" เผยมติคณะทำงาน ชง 2 โมเดล สสร. 2 โมเดล กมธ.ยกร่าง ให้ กมธ.ชุดใหญ่พิจารณาพรุ่งนี้ ยึดหลักการมีตัวแทนจังหวัด-บล็อกเสียงข้างมากลากไป คาดพิจารณาจบได้สัปดาห์นี้ แย้ม ขยับไทม์ไลน์แก้ รธน.เล็กน้อย
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานสรุปประเด็นร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา เปิดเผยถึงผลการประชุมนัดแรกเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ที่ผ่านมา ว่าที่ประชุมได้หารือแนวทางรูปแบบของ สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) และ คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีมติให้เสนอ 2 โมเดลหลักเข้าสู่การพิจารณาของ กมธ.ชุดใหญ่ในวันพรุ่งนี้ (30 ต.ค.)
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า สำหรับ รูปแบบของ สสร. มี 2 แนวทางสำคัญ คือ
ยึดตามร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พรรคประชาชนเสนอ ซึ่งรัฐสภามีมติให้เป็นร่างหลัก โดยให้มี “สภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ” จำนวน 100 คน มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ
ยึดหลักการจากร่างของพรรคภูมิใจไทย ให้มี สสร. 100 คน โดยเปิดรับสมัครจากแต่ละจังหวัดโดยไม่จำกัดจำนวน แล้วให้รัฐสภาเป็นผู้คัดเลือก โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาต้องรวมกลุ่มละ 7 คน เพื่อเลือก สสร. 1 คน ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงการมีตัวแทนจากทุกจังหวัดอย่างทั่วถึง และป้องกันไม่ให้เกิดการใช้เสียงข้างมากครอบงำ
ส่วน รูปแบบของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กมธ.ยกร่างฯ) ที่คณะทำงานเสนอ มี 2 แนวทางเช่นกัน คือ
ให้รัฐสภาเป็นผู้คัดเลือก 35 คน โดยอาจเลือกจาก สสร. ทั้งหมด เลือกจากบุคคลภายนอกผู้มีความเชี่ยวชาญ หรือผสมระหว่าง สสร. 20 คน และผู้เชี่ยวชาญภายนอก 15 คน
ให้ สสร. เป็นผู้เลือก กมธ.ยกร่างฯ ด้วยตนเองจากผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมและมีความรู้ด้านรัฐธรรมนูญ
“ข้อเสนอดังกล่าวเป็นเพียงทางเลือกที่คณะทำงานจัดทำไว้ เพื่อให้ กมธ.ชุดใหญ่พิจารณาในวันพรุ่งนี้ว่าจะใช้แนวทางใด หรือมีการปรับเพิ่มเติม ทั้งนี้ยังต้องพิจารณาด้วยว่าแนวทางใดจะสอดคล้องหรือไม่ขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญล่าสุด” นพ.ชลน่าน กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ปรับ ไทม์ไลน์การทำงาน หลังพระราชบัญญัติประชามติ (ฉบับที่ 2) มีผลบังคับใช้ ซึ่งทำให้มีเวลาเพิ่มขึ้น โดยเบื้องต้นกำหนดเสนอร่างรัฐธรรมนูญเข้าสู่การพิจารณาวาระสองของรัฐสภาในวันที่ 20–21 พฤศจิกายน และโหวตวาระสามในวันที่ 10 ธันวาคม โดยจะเสนอให้เปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณา
เมื่อถามถึงความกังวลว่าแนวทางให้รัฐสภาเลือก กมธ.ยกร่างฯ อาจถูกมองว่าเกิดผลประโยชน์ทับซ้อน นพ.ชลน่านชี้แจงว่า จะมีการกำหนดคุณสมบัติผู้ที่จะได้รับการคัดเลือกไว้อย่างชัดเจน ต้องเป็นผู้มีประสบการณ์และความเหมาะสม ไม่ใช่ใครก็สามารถเข้ามาได้ เช่นเดียวกับกรณีที่ สสร. เป็นผู้เลือกคนนอก ก็ต้องผ่านการพิจารณาคุณสมบัติอย่างเข้มงวดเช่นกัน
นพ.ชลน่าน กล่าวทิ้งท้ายว่า คาดว่าการประชุมของ กมธ.ชุดใหญ่ในสัปดาห์นี้จะสามารถหาข้อสรุปได้ เพื่อเดินหน้าพิจารณารายละเอียดในมาตราต่อ ๆ ไปต่อเนื่องโดยเร็ว