พรรคเพื่อไทยร่วมมูลนิธิอิสรชนเปิดเวที “Homeless but not Hopeless” รณรงค์สิทธิคนไร้บ้าน “ชญาภา สินธุไพร” ชี้ คนไร้บ้านจำนวนมากถูกตัดขาดจากสิทธิเบื้องต้นของพลเมือง จนตกเป็นเหยื่อบัญชีม้า

นางสาวชญาภา สินธุไพร รองประธานคณะกรรมาธิการการสวัสดิการสังคม สภาผู้แทนราษฏร และ สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายเอนกชัย เรืองรัตนากร Senior Strategist พรรคเพื่อไทย เข้าร่วมงาน Homeless Day 2025: “Homeless but not Hopeless” ร่วมกับมูลนิธิอิสรชน และพันธมิตร โดยกิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อรณรงค์ให้สังคมตระหนักถึงสิทธิและศักดิ์ศรีของคนไร้บ้าน พร้อมเปิดเวทีเสวนาแลกเปลี่ยนแนวทางการแก้ไขปัญหาทางสังคมอย่างยั่งยืน 

นางสาวชญาภาได้กล่าวในเวทีเสวนา “คนไร้บ้านในเงามืดบัญชีม้า: เหยื่อที่ถูกซ้ำเติม” ว่า ปัญหาการตกเป็นเหยื่อของบัญชีม้าเริ่มต้นจากการถูกตัดขาดจากสิทธิขั้นพื้นฐานของคนไร้บ้าน ซึ่งนำไปสู่การถูกเอาเปรียบจากขบวนการมิจฉาชีพ 

นางสาวชญาภากล่าวว่า “บัตรประชาชน คือเอกสารเพียงชิ้นเดียวที่ยืนยันความเป็นพลเมือง แต่สำหรับคนไร้บ้านจำนวนมาก พวกเขาไม่มีแม้แต่สิทธินั้น เมื่อไม่มีบัตร ก็เข้าไม่ถึงสิทธิทางสังคมและสวัสดิการของรัฐ ทั้งเบี้ยยังชีพ บัตรคนพิการ หรือสิทธิสาธารณสุข ทั้งยังไม่สามารถเปิดบัญชีธนาคารได้อย่างถูกต้อง และสุดท้ายก็ตกเป็นเหยื่อของขบวนการบัญชีม้า โครงสร้างทางสังคมผลักพวกเขาออกจากสวัสดิการของรัฐ” 
 
นอกจากนี้ นางสาวชญาภาเสนอว่า รัฐจำเป็นต้องตระหนักถึงปัญหาบัญชีม้าในมิติของ “สวัสดิการและสิทธิมนุษยชน” ไม่ใช่เพียงปราบปรามทางอาญา เพราะคนไร้บ้านจำนวนมากไม่ได้มีเจตนากระทำผิด แต่ตกอยู่ในสภาพที่ไม่มีทางเลือก 
 
“การแก้ปัญหานี้ ต้องเริ่มจากการส่งเสริมการคุ้มครองสิทธิพลเมืองให้กับคนไร้บ้าน สร้างระบบคุ้มครองทางสังคมที่แท้จริง เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาต้องตกเป็นเหยื่อของขบวนการมิจฉาชีพซ้ำแล้วซ้ำอีก
 
นางสาวชญาภา ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยจะยังคงยืนยันคุ้มครองสิทธิความเป็นพลเมืองให้พี่น้องทุกกลุ่ม เพื่อสร้างเกราะคุ้มครองทางสังคม รวมถึงคนไร้บ้านเพื่อให้มีโอกาสอย่างเท่าเทียม
 
“พรรคเพื่อไทยย้ำว่า ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยไม่ได้จำกัดอยู่เพียงเรื่องรายได้ แต่ยังลึกลงไปถึงระดับ “สิทธิพลเมือง” และ “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” พรรคเพื่อไทยจึงเดินหน้าผลักดันนโยบายที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจ สวัสดิการ และสิทธิมนุษยชนเข้าด้วยกัน ดังเช่น นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ที่ยืนยันหลักการว่า สุขภาพที่ดีคือสิทธิขั้นพื้นฐานของคนไทยทุกคน โดยรัฐมีหน้าที่สร้างระบบที่ทำให้สิทธินั้นเกิดขึ้นได้จริงและเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน”