“เพื่อไทย” เรียกร้อง “ภท.-ปชน.” สองพรรคคู่รัก MOA ยื่นร่างแก้รธน.ร่วมกัน หวั่นกลายเป็นรัฐธรรมนูญแกงส้มต้มประชาชน ยินดี รัฐบาลอนุทิน สานต่อผลงาน ย้ำไม่ต้องกังวลถูกกล่าวหา ‘ภูมิใจเคลม’
น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีการตอบคำถามของนายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี ระหว่างการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยมีช่วงหนึ่งที่กล่าวถึงข้อตกลงระหว่างพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยในการร่วมผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเปิดทางให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
น.ส.ขัตติยาระบุว่า คำพูดของนายอนุทินสร้างความกังวล เพราะในบันทึกข้อตกลง (MOA) ระหว่างสองพรรคดังกล่าว ระบุให้คณะรัฐมนตรี พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชนร่วมกันผลักดันการแก้รัฐธรรมนูญ แต่สิ่งที่นายกรัฐมนตรีกล่าวกลับไม่มีการพูดถึงร่างของ ครม. อีกทั้งยังเปิดช่องให้พรรคร่วมรัฐบาลมีความเห็นต่าง และไม่สามารถพูดคุยกับ ส.ว. เพื่อให้เห็นชอบร่างได้
“สิ่งนี้ทำให้ไม่มีอะไรยืนยันได้เลยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะนำไปสู่ สสร. ที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริง เหมือนที่พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนเสนอไว้” เธอกล่าว พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ร่างที่จะได้รับความเห็นชอบอาจเหลือเพียงร่างของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งไม่ได้มีประชาชนอยู่ในสมการ และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่เห็นท่าทีว่าครม.จะเสนอร่างของตนเอง
น.ส.ขัตติยาเรียกร้องให้พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชนถอนร่างของทั้งสองพรรคออกมาก่อน แล้วหารือร่วมกันว่าจะเดินหน้าอย่างไรเพื่อให้ สสร. มีความยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด เพราะแม้ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่าการเลือกตั้ง สสร. ทั้งหมดทำไม่ได้ แต่สองพรรคซึ่งร่วมลงนามใน MOA ควรหาทางออกที่ยังสะท้อนเจตนารมณ์ประชาชน
เธอยังเตือนว่า ประเด็นนี้คือหัวใจของข้อตกลงร่วมรัฐบาล อย่าทำให้เหมือน “แยกกันเดิน” โดยเฉพาะพรรคประชาชนที่มักอ้างอำนาจต่อรองกับรัฐบาลเสียงข้างน้อย ควรใช้โอกาสนี้ผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างจริงจัง ไม่เช่นนั้นอาจถูกมองว่าใช้ประเด็นนี้เพียงหาเสียง ส่วนพรรคภูมิใจไทยก็ควรรักษาหน้าผู้ให้กำเนิดรัฐบาล อย่าปล่อยให้ประชาชนรู้สึกว่ากำลังจะได้ “รัฐธรรมนูญฉบับแกงส้ม ต้มประชาชน”
น.ส.ขัตติยายังกล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ที่สานต่องานจากรัฐบาลเพื่อไทย เช่น การต่ออายุโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย การพัฒนานโยบาย “30 บาทรักษาทุกที่” และการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐให้จีน รวมถึงโครงการ “หวยเกษียณ” ที่ช่วยส่งเสริมการออมของประชาชน
“รัฐบาลไม่ต้องกลัวว่าจะถูกหาว่า ‘ภูมิใจเคลม’ เพราะสุดท้ายประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน ขอเพียงทำงานให้ตรงปก และสานต่อสิ่งดี ๆ เพื่อประโยชน์ของประชาชน” น.ส.ขัตติยากล่าว
