“จิราพร” ซัดรัฐบาล “อนุทิน” เกิดจาก MOA พิสดาร หวั่นอำนาจเบ็ดเสร็จลากยาว 4 ปี 

“จิราพร” ซัดรัฐบาล “อนุทิน” เกิดจาก MOA พิสดาร หวั่นอำนาจเบ็ดเสร็จลากยาว 4 ปี 
“จิราพร” อภิปรายเดือด ซัดรัฐบาล “อนุทิน” เกิดจาก MOA พิสดาร ฉีกข้อตกลง–ละเลยแก้ รธน.–เงื่อนไขคดีค้างคา หวั่นอำนาจเบ็ดเสร็จลากยาว 4 ปี หากนายกฯ จริงใจแก้รธน.จริง ขอให้ชวนสว. สัญญาแก้รธน.

น.ส. จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายต่อคำแถลงนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ระบุว่ารัฐบาลชุดนี้ถือเป็น “รัฐบาลพิเศษ” ที่เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ไม่ปกติ หลังพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากรัฐบาลเดิม ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร หยุดปฏิบัติหน้าที่ ก่อนตัดสินให้พ้นตำแหน่งในวันที่ 29 สิงหาคม 2568 ซึ่งทั้งหมดสอดคล้องกับคำประกาศของผู้นำประเทศเพื่อนบ้านว่าจะมีการเปลี่ยนรัฐบาลใน 3 เดือน

ขอตั้งคำถามว่า MOA ที่ถูกนำมาใช้จัดตั้งรัฐบาลนี้อาจไม่ใช่ข้อตกลงจริงทั้งหมด แต่เป็นเพียงฉากหน้าเท่านั้น และเมื่อรัฐบาลเริ่มทำงานกลับไม่เคารพ MOA เลย โดยกล่าวว่า
“รัฐบาลนี้เกิดจาก MOA แต่กลับไม่เคารพ MOA ที่ตัวเองลงนามไว้เลย วันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คะแนนที่ได้เกินกว่าที่คำนวณกันไว้ แถมยังมี สส. หลายกลุ่มประกาศย้ายเข้าภูมิใจไทย อย่างเปิดเผย นี่เท่ากับว่าข้อตกลงที่ห้ามแปลงร่างเป็นเสียงข้างมาก ถูกฉีกตั้งแต่วันแรกที่รัฐบาลลืมตาขึ้นมา”

น.ส. จิราพร ยังเปรียบเทียบกับรัฐบาลเฉพาะกิจของนายอานันท์ ปันยารชุน เมื่อปี 2535 ที่แถลงนโยบายเพียง 1 หน้าเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน แต่รัฐบาลอนุทินกลับแถลงนโยบายถึง 7 หน้า เต็มไปด้วยนโยบายยาวเหยียดโดยไม่เอา MOA มาประกาศต่อสภา พร้อมเน้นว่า
“คำแถลงนโยบายยาวถึงเจ็ดหน้ากระดาษ แต่พูดถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงแค่สามบรรทัดเศษ ทั้งที่นี่คือภารกิจใหญ่ที่สุดใน MOA ภาพที่ปรากฏต่อประชาชนจึงสะท้อนความจริงใจของรัฐบาลว่ามีเพียงน้อยนิด รัฐบาลนี้อาจไม่คิดทำตามข้อตกลงเลยตั้งแต่ต้น” 

ในประเด็นคดีความนั้น ประชาชนอยากรู้ท่าทีรัฐบาลต่อคดีเขากระโดงและคดีฮั้ว สว. ที่เกี่ยวพันกับตัวนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี แต่สิ่งที่สังคมได้ยินคือเพียงคำว่า “ถูกกลั่นแกล้ง” จนกลายเป็นการส่งสัญญาณกดดันข้าราชการผู้ทำคดี ขัดกับคำประกาศว่าจะยึดหลักนิติธรรม

ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ MOA กลับถูกลดทอนจนแทบไร้น้ำหนัก และยังกล่าวต่อว่า
“รัฐบาลนี้กุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไม่ต่างจากรัฐบาลที่มาจากการทำรัฐประหาร เพียงแต่ขาดมาตรา 44 เท่านั้น นอกนั้นมีครบทุกอย่าง และถ้าเป็นเช่นนี้ แม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาลไป ประเทศไทยก็ยังต้องอยู่กับระบอบสีน้ำเงินต่อไปอีกนับสิบปี” และยังกล่าวต่อว่าหากนายกฯ อนุทิน จริงใจที่จะแก้รัฐธรรมนูญจริง ขอให้ท่านเชิญชวนสว. ขึ้นมาให้สัญญาเลยว่าจะแก้รัฐธรรมนูญ

น.ส. จิราพร สรุปการอภิปรายด้วยการย้ำว่า MOA ไม่ได้สร้างประชาธิปไตย แต่เป็นการต่ออายุฝ่ายอนุรักษ์นิยม โดยกล่าวว่า “การทำ MOA ไม่ได้ทำให้ประเทศไทยเดินเข้าใกล้ช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟูประชาธิปไตย แต่กลับเป็นการชุบชีวิตฝ่ายอนุรักษ์นิยมและอำนาจพิเศษให้กลับมามีอาวุธครบมือ นี่คือการฟื้นคืนชีพของอำนาจที่ประชาชนเคยต่อสู้มาก่อน”

พร้อมทั้งประกาศบทบาทฝ่ายค้านชัดเจนว่า “สี่เดือนต่อจากนี้ พรรคเพื่อไทยจะทำให้เป็นสี่เดือนแห่งการตรวจสอบอย่างเข้มข้นที่สุด ใช้ทุกกลไกของรัฐสภาที่มี ไม่เว้นแม้แต่การตรวจสอบองค์ประชุม เพื่อให้พี่น้องประชาชนเห็นชัดว่ารัฐบาลแบบนี้สมควรหรือไม่ที่จะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลต่อไปอีกสี่ปี”

TAGS: #เพื่อไทย #MOA #จิราพร #แก้รธน #แก้รัฐธรรมนูญ