"เท้ง ณัฐพงษ์" อภิปรายนโยบายรัฐบาล จี้ 4 เดือนเร่งผลักดันแก้รธน. เตือนรัฐบาลไม่ให้ใช้อำนาจโดยมิชอบ ห้ามแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมในคดีต่างๆ ทั้งเขากระโดง - ฮั้ว สว.
ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายนโนยบายรัฐบาล เป็นคนแรก ภายหลังนายกรัฐมนตรีแถลงนโยบาย ว่า รัฐบาลเข้าทำหน้าที่ในกรอบ 4 เดือนอย่างเป็นทางการ ถือเป็นหมุดหมายแรกของตนและพรรคประชาชนในการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เพื่อนับถอยหลังสู่การยุบสภาฯ มุ่งหน้าสู่การจัดทำประชามติ สู่การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ เพื่อให้เห็นความสำคัญของการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ขอทวนให้นายกฯลองหวนระลึกถึงวันที่ท่านเป็นผู้มีสิทธิในการเลือกตั้งเข้าคูหาครั้งแรกในชีวิต ว่าประสบการณ์ชีวิตท่านที่เข้าคูหาเลือกตั้งถึงวันนี้ มีประสบการณ์ต่อการเมือง เศรษฐกิจ สังคมไทยอย่างไรบ้าง
รุ่นแรก รุ่นพ่อแม่ของตน หรือผู้ใหญ่ที่เกิดในช่วงปี 2500 กว่าๆ วัยหนุ่มสาวอยู่ในยุคเศรษฐกิจ ‘โชติช่วงชัชวาล’ GDP ของประเทศเติบโตเฉลี่ยปีละ 9.7% จนได้รับฉายาว่า เสือตัวที่ 5 แห่งเอเชีย คนในวัยนี้ผ่านรัฐประหารมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ครั้ง รุ่นต่อมา คือรุ่นของตนเอง ที่เกิดในช่วงปี 2530 จำความได้ว่า ผ่านมา 19 ปี หลังการรัฐประหารปี 2549 ที่ทำให้ชีวิตตนเองต้องผ่านการรัฐประหารเพิ่มอีก 2 ครั้ง นายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งถูกปลดจากตำแหน่งไป 5 คน พรรคการเมืองสำคัญถูกยุบไป 7 พรรค และการเลือกตั้งถูกล้มไปอีก 2 คน และในช่วง 2 ปีนี้ ก็ต้องเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีไปถึง 3 คน
ที่ผ่านมาแปลว่าอะไร ไม่เคยมีคนไทยสักรุ่นที่เกิดและโตในประเทศนี้ อยู่ในประชาธิปไตยเต็มใบมีเสถียรภาพเสียที ขอย้ำให้เห็นความสำคัญการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ประเทศไทยที่ผ่านมาไม่เคยมีสักยุคดอกผลพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม เติบโตก้าวกระโดด เกิดจากการเมืองในประเทศที่เป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่เกิดจากแรงฉุดจากอานิสงค์จากการเมืองโลก และลมเปลี่ยนทิศการเมืองโลกวันนี้ไม่ได้เข้าข้างไทยอีกต่อไป
คำถามคือการเมืองแบบที่เป็นอยู่ ทำให้เราแถลงนโยบาย 3 ครั้งในรอบ 2 ปี เนื่องจากกลไกของศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระถูกนำมาใช้ทำลายล้างทางการเมือง มากกว่าจับคนผิด ปัญหาการทุจริตในประเทศไม่เคยเบาลง มีแต่หนักขึ้น ด้วยการเมืองแบบนี้หรือ จะทำให้ไทยเดินไปข้างหน้าได้
ถ้าพวกเรามีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ คำถามคือทำไมเราต้องให้ความสำคัญกับรัฐธรรมนูญที่ยึดโยงประชาชนมากสุด เพราะต้องการรัฐบาลโปร่งใส มีประสิทธิภาพ ชอบธรรม ยึดโยงประชาชน บรรดา ครม.ถูกแต่งตั้งจากผู้มีความรู้ความสามารถ มิใช่จัดสรรโควตาทางการเมือง เราต้องการรัฐบาลชอบธรรม สะท้อนเจตจำนงประชาชน กำหนดอนาคตของประเทศ วางยุทธศาสตร์ ไม่ต้องติดล็อกกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่ คสช.เขียนมา เราต้องการรัฐบาลยกระดับรายได้ ตั้งแต่เกษตรกร ถึงนวัตกรรม เพิ่มมูลค่าให้สินค้าไทย ข้าว มัน ยาง รถ คอมพิวเตอร์ ปิโตรเคมี ทุกห่วงโซ่อุปทานต้องถูกยกระดับเป็นสีเขียว เป็นสินค้าที่โลกอนาคตต้องการ
เราต้องการระบบถ่วงดุลตรวจสอบทีเป็นอิสระ ยึดโยงประชาชน เป็นระบบที่ไม่ได้ผลัดกันเกาหลัง ไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อปกป้องภาษีเราทุกคน ประเทสที่ติดเครื่องยนต์ใหม่ จำเป็นต้องจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ เพื่อให้รถยนต์คันนี้พุ่งทะยานไปข้างหน้าเต็มกำลัง เรามุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ โหวตนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกฯ ด้วยข้อตกลงที่ปรากฏใน MOA และการทำหน้าที่ของเรา 4 เดือนต่อจากนี้ ของตนและเพื่อนสมาชิก เป็นสิ่งที่ประชาชนใช้ตัดสินพวกเราในวันหน้า
ดังนั้นสิ่งที่พวกเราจะทำหน้าที่ 4 เดือนต่อจากนี้ ในฐานะฝ่ายค้านข้างมาก คือ
1.เปิดประตูจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ภายใน 4 เดือนนี้ ผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 ให้แล้วเสร็จก่อนยุบสภาฯ โดยที่มาของผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ ยึดโยงประชาชนมากสุด ภายใต้กรอบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
2.ผลักดันกฎหมายที่มีประโยชน์ให้ประชาชนให้มากสุด ภายใน 1 เดือนที่ผ่านมา สภาฯผ่านกฎหมาย วาระ 1 และ 3 ได้ถึง 11 ชุดครอบคลุมการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิต ยังมีกฎหมายอีกหลายชุดที่ร่วมกันผลักดันได้ ในเวลาที่เหลืออยู่ไม่มาก เช่น พ.ร.บ.อากาศสะอาด เป็นต้น
3.ใน 4 เดือนนี้รัฐบาลใหม่ สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ทั้งด้านเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต ความมั่นคง และอาชญากรรมข้ามชาติ และปัญหาที่ค้างจากรัฐบาลชุดก่อนได้หลายเรื่อง ฝ่ายค้านจะอภิปรายต่อจากนี้ไปอีก 2 วัน
4.ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน จะทำหน้าที่ถ่วงดุลตรวจสอบรัฐบาลเต็มที่ เพราะพรรค ปชน.ไม่ได้ใช้เสียงเราโหวตนายอนุทินเอาอำนาจไปใช้โดยมิชอบ หรือเพื่อสนับสนุนการแต่งตั้งบุคคลที่ไม่เหมาะสมเป็นรัฐมนตรี หรืออนุญาตให้รัฐบาลแทรกแซงการดำเนินคดีไม่ว่าฮั้ว สว.หรือเขากระโดง และการตรวจสอบทุจริตรัฐบาลที่ผ่านมา
“ผมและ ปชน.ใช้เสียงของเรา เพื่อมุ่งหวัง 4 เดือนต่อจากนี้ เปิดประตูสู่อนาคตใหม่ของประเทศ เมื่อทุกท่านหลับตาลงนึกถึงหน้าลูกหลาน พวกเขาจะเป็นลูกหลานไทยรุ่นแรก เดินเข้าคูหาเลือกตั้ง และตลอดชีวิตของเขา ชีวิตของเขาอยู่ในระบบการเมืองประชาธิปไตย ปราศจากการรัฐประหาร ไทยพุ่งทะยานได้ต่อเนื่อง ไม่ใช่ใช้เสียงปิดประตู ทำให้วงจรชีวิตลูกหลานติดอยู่ในลูป ในระบบการเมืองแบบคนทุกรุ่นกำลังเสื่อมศรัทธา สุดท้ายอยากฝากถึงนายกฯ สิ่งที่เราอยากเห็นจากท่าน จะไม่ใช่แค่ท่านต้องเคารพต่อข้อตกลงที่ทำกับ ปชน.แต่ผมอยากเห็นท่านนายกฯเคารพกระบวนการยุติธรรม เคารพประชาชน ผู้เป็นเจ้าของประเทศ และทรงอำนาจสูงสุดในประเทศนี้” นายณัฐพงษ์ กล่าว