“ณัฐพงษ์” เผย ปชน. จัด 20 ขุนพลอภิปรายนโยบายรัฐบาล ย้ำ ตรวจสอบเข้มข้น โต้เพื่อไทย ลั่นเป็นฝ่ายค้ำเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ น้อมรับผลโพลความนิยมลดต้องปรับปรุงการทำงาน จ่อเปิดแคนดิเดตนายกฯปลาย ม.ค.69
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมอภิปรายการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ว่า พรรคประชาชนได้เตรียมผู้อภิปรายไว้ประมาณ 20 คน ซึ่งมีเนื้อหาสาระที่เข้มข้น โดยภาพรวมเป็นการนับถอยหลังสู่การยุบสภาเพื่อเดินหน้าจัดทำประชามติ และจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ส่วนผู้อภิปรายอื่นมีเรื่องการแก้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ความมั่นคงชายแดน และเรื่องคุณสมบัติรัฐมนตรี รวมถึงตรวจสอบรัฐบาล ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับคดีสำคัญ ทั้งคดีเขากระโดงและคดีฮั้วสว. พร้อมขอให้ติดตามการทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเป็นทางการในวันแรกของพรรคประชาชนตลอดช่วงการอภิปราย
ส่วนมีการวางตัวผู้อภิปรายไว้อย่างไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า มีหลายคน อยากให้ทุกคนติดตามชมในการอภิปราย โดยตนจะเป็นผู้พูดเปิดและปิดการอภิปราย ย้ำว่า ทุกคนที่อภิปรายมีเนื้อหาเข้มข้น
พรรคประชาชนเคยระบุว่าหากมีการตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดนี้จะมีการเปิดเอกสารลับ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ขอให้รอดูการอภิปรายตลอด 2 วันนี้ จะมีการแสดงเนื้อหาที่เข้มข้น และทำหน้าที่ของฝ่ายค้านอย่างเต็มที่แน่นอน
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่ตนหวังและเชื่อว่าประชาชนจะได้เห็นคือการทำหน้าที่ของพรรคประชาชน ว่าเราตัดสินใจโหวตนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมาเป็นนายกรัฐมนตรี เฉพาะกิจ เฉพาะกาล คือต้องการเปิดประตูสู่การทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งตนจะนำเสนอข้อมูลชี้ให้เห็น ว่าทำไมการจัดทำรัฐธรรมนูญ ถึงเป็นการเปิดประตูสร้างอนาคต สร้างทางออกให้กับประเทศได้ รวมถึงการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน และผู้อภิปรายของพรรคประชาชนอีก 20 คน พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่แน่นอน
การที่ฝ่ายค้านไม่เป็นเอกภาพและพรรคประชาชนถูกกล่าวหาโดยพรรคเพื่อไทยว่าเป็นฝ่ายค้ำจะส่งผลอย่างไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า คงไม่ได้ทำให้เราเสียสมาธิอะไร และยังคงทำหน้าที่ฝ่ายค้านเสียงข้างมากอย่างเต็มที่ และไม่อยากให้โยนวาทกรรมกันไปมา ว่าตกลงเป็นฝ่ายค้ำหรือฝ่ายแค้นอะไร ตัวของตนเองถ้าจะต้องถูกกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายค้ำ อยากให้มองว่าเราพยายามที่จะค้ำกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อหาทางออกให้กับประเทศไม่ได้ต้องการที่จะค้ำรัฐบาล หรือค้ำรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่ง และตนเชื่อว่าการทำหน้าที่สส. ของพรรคประชาชน จัดเป็นข้อพิสูจน์ ว่าเราเป็นฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบ
ส่วนเวลา 9 ชั่วโมงที่ได้รับการบริหารมาจะจัดสรรอย่างไร นายณัฐพงษ กล่าวว่า โดยเฉลี่ยพรรคประชาชน ผู้อภิปรายจะอยู่คนละ 10-15 นาที และแบ่งระยะเวลาตอบโต้กันในสภา เชื่อว่าอยู่ในกรอบระยะเวลาที่สามารถบริหารจัดการได้
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุว่าพรรคสีน้ำเงินได้รับการชุบชีวิตจากตั๋วช้างสีส้ม นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่อยากให้มีการสร้างวาทกรรมแบบนั้น และนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ก็ได้มีการชี้แจงไปแล้ว ตนอยากที่จะเชิญชวนเพื่อนสมาชิกรัฐสภาว่าวันนี้เป็นการอภิปรายแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ควรจะมีการตรวจสอบ และอภิปราย ทั้งข้อคิดเห็น และการดำเนินนโยบายของรัฐบาลเป็นหลักมากกว่า ไม่อยากให้ฝ่ายค้านตรวจสอบกันเอง
นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ ศ.ดร.สิริพรรณ นกสวนสวัสดี อ.ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่าการทำMOA ระหว่างพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทยผิดธรรมชาติ เพราะหากลงมติไว้วางใจในการอภิปรายจะถือว่าผิดสัญญา ก็น้อมรับในความคิดเห็นของอ.สิริพรรณ ซึ่งตนก็ยอมรับและเคยโหวตสนับสนุนให้ อ.สิริพรรณตอนที่สมัครเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตนจะเข้าใจในข้อห่วงใย แต่เชื่อว่าการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจจะไม่เป็นข้อขัดแย้งต่อ MOA แต่อย่างใด เพราะเราขีดเส้นแบ่งไว้ค่อนข้างชัด เพราะ MOAกำหนดแค่กรอบเวลาไว้แค่ 4 เดือนและกระบวนการการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ส่วนการทำหน้าที่ฝ่ายค้านของพรรคประชาชนก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ MOA หรือพรรคภูมิใจไทย
ขณะที่ข้อเสนอจากพรรคเพื่อไทยว่า พรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทย ควรจะคุยกันอีกรอบเพื่อให้ได้ร่างรัฐธรรมนูญไปในทางเดียวกัน และควรจะไลฟ์สดให้กับประชาชน นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนเชิญชวนให้มีการไลฟ์สดในคณะกรรมาธิการ แก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 ที่จะเกิดขึ้นในช่วง 3 เดือนต่อจากนี้ ย้ำว่าการเจรจากับทุกพรรคหลังจากนี้ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน เพื่อให้ได้ผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญที่ยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด และควรทำในเวทีที่เป็นทางการเช่นกมธ.วิสามัญก็จะยิ่งดี
หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึง ผลสำรวจนิด้าโพลมีข้อสังเกตหรือไม่ว่าความนิยมในตัวนายณัฐพงษ์ลดลง ในขณะที่ความนิยมของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไล่ตามขึ้นมาได้ประเมินว่าต้องแก้ไขอะไรหรือไม่ ว่า พร้อมรับในข้อคิดเห็นและขอบคุณประชาชนที่สะท้อนเสียงออกมาผ่านผลโพล ก่อนหน้านี้ผลโพลมีทั้งขึ้นและลง เมื่อไหร่ที่ขึ้นตนก็ขอบคุณ เมื่อไหร่ที่ลงก็ต้องรับมาสะท้อน และมาปรับปรุงการทำงาน อยากให้ทุกคนที่แสดงข้อคิดเห็นผ่านผลโพลได้ติดตามการทำหน้าที่ของพรรคประชาชนในช่วง 4 เดือน และในทุกย่างก้าวทุกการกระทำ ทุกการทำหน้าที่ในสภา จะเป็นข้อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าทำไมเราตัดสินใจโหวตให้นายอนุทิน ซึ่งทุกย่างก้าวจะเป็นประโยชน์ สร้างประโยชน์หาทางออกให้กับประเทศ
ส่วนต้องปรับแผนการหาเสียงเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะคู่แข่งคนสำคัญครั้งหน้าคือพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน กล่าวว่า ได้วางแผน และปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ตั้งแต่ที่บรรลุข้อตกลง MOA ภายในของพรรคประชาชนก็ได้เตรียม เรียกว่าเป็นกองแคมเปญขึ้นมาเพื่อเตรียมยุทธศาสตร์หาเสียงเลือกตั้ง รวมถึงบุคคลต่างๆและเตรียมทาบทามบุคคล ที่จะดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งต้องรอจังหวะที่เหมาะสมและจะเปิดตัวต่อไป
ขณะที่การเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯของพรรคประชาชน อาจเป็นช่วงใกล้ปลายเดือนมกราคมเป็นต้นไปที่มีข้อแน่ชัดว่ามีการยุบสภา และมุ่งหน้าสู่การเลือกตั้งจริงๆ รวมถึงบุคคลที่เราทาบทามอาจมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน อาจไม่สะดวกเปิดตัวในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง บางคนอาจสะดวกเปิดตัวตอนจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งกว่าจะถึงตอนนั้นต้องรอฟังเสียงประชาชนที่ไปใช้สิทธิในคูหาเลือกตั้ง พูดตอนนี้อาจจะเร็วไปที่จะมีการเปิดตัว