ประธานวิปฝ่ายค้าน ปัดเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ จนลืมปัญหาปากท้อง ทุกเรื่องสามารถทำพร้อมกันได้ เชื่อเวลา 4 เดือนที่เหลือ สามารถดำเนินการได้ พร้อม ขอให้พรรคฝ่ายค้าน-รัฐบาลร่วมผ่านกม.สำคัญ
นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคการเมืองฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร หรือ วิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงวาระการประชุมในวันนี้ ว่า เป็นการประชุมเกี่ยวกับกฎหมายที่จะเข้าในพุธและพฤหัสบดี โดยในวันที่ 17 ก.ย.นี้ จะมีการพิจารณาร่างกฎหมายต่างๆ เช่น พระราชกำหนดการประมง ที่คณะกรรมาธิการร่วมพิจารณาเสร็จแล้ว และพระราชบัญญัติล้มละลาย ที่ยังค้างอยู่ในวาระ 2 และ 3 ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จ และเริ่มเข้าสู่พระราชบัญญัติอากาศสะอาดต่อในวาระ2และ3 ที่ต้องใช้ระยะเวลาพิจารณาหลายสัปดาห์ เนื่องจากมีหลายมาตรา
ส่วนในวันที่ 18 ก.ย. จะเป็นการพิจารณาชุดกฎหมายที่เกี่ยวกับท้องถิ่น เช่น ระเบียบราชการบริหารบุคลากรท้องถิ่น รวมถึงชุดกฎหมายในการจัดตั้งอบจ. อบต. เทศบาล เรื่องการกำหนดวาระและอายุผู้สมัคร และการเลือกตั้งท้องถิ่นต่างๆ
สำหรับการทำงานของฝ่ายค้าน นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า มีการพูดคุยกันเรื่อยๆ แม้จะยังไม่เป็นทางการ แต่สังคมรับทราบว่าเรากำลังมีรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพราะฉะนั้นในฝ่ายค้านด้วยกันเองจึงได้ประสานกับพรรคเพื่อไทยอยู่ตลอดเวลา ขณะที่ พรรคแกนนำรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทย ด้วยความที่เป็นเสียงข้างน้อยจึงจำเป็นต้องมาขอเราในหลายๆเรื่อง ว่าเราเห็นว่าควรเป็นอย่างไรบ้าง เพราะหากขาดเสียงของฝ่ายค้าน รัฐบาลอาจจะดำเนินการในสภาต่อได้ยาก จึงกลายเป็นความร่วมมือของทั้งสามพรรคการเมือง ทั้งพรรคเพื่อไทย ภูมิใจไทย และประชาชน รวมถึงพรรคการเมืองอื่นด้วย เพื่อที่จะมากำหนดวาระในสภาผู้แทนราษฎรร่วมกัน ซึ่งเป้าหมายของพรรคประชาชนคือเราอยากชวนพรรคเพื่อไทยในฐานะเสียงข้างมากในสภามาร่วมกันทำงานผ่านกฎหมายที่เป็นประโยชน์ให้มากที่สุด ในระยะเวลา 4 เดือนที่เหลืออยู่หลังจากรัฐบาลแถลงนโยบายต่อสภา โดยเฉพาะร่างกฎหมายที่พรรคเพื่อไทยคิดว่าจะสามารถผลักดันได้ทัน
ส่วนกังวลเรื่องร่างรัฐธรรมนูญว่าจะสำเร็จได้ทัน 4 เดือนหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้ซับซ้อน แต่ที่ซับซ้อนเพราะว่าศาลรัฐธรรมนูญตอบสิ่งที่ไม่ได้ถามกลับมา อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าตอนนี้บรรยากาศเป็นไปด้วยดี และทั้ง 3 พรรคการเมืองเห็นตรงกันที่จะพยายามหาทางออกร่วมกัน โดยตั้งทีมงานเฉพาะขึ้นมาดูข้อกฎหมาย ซึ่งเมื่อคืนก็ได้มีการประชุมกันเรื่องนี้ ฉะนั้นหากเห็นตรงกันว่าจะเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญมาตราเดียวที่ยังเป็นปัญหาได้ ตนเชื่อว่าใช้เวลาไม่นาน เพราะในส่วนการทำประชามติคำถามที่ 1 ก็ใช้แค่มติคณะรัฐมนตรีเท่านั้น และคำถามที่ 2 ก็ขึ้นอยู่กับรัฐสภา โดยแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงมาตราเดียว
กรณีที่สังคมเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดต้องแก้รัฐธรรมนูญก่อนแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เราคงไม่ใช้ทุกทรัพยากร ทั้ง ส.ส. สว. หรือ รัฐมนตรีทำเรื่องเดียว เพราะทุกเรื่องสามารถทำพร้อมกันได้ จึงมองว่าเราควรเลิกใช้ตรรกะนี้ได้แล้ว พร้อมยืนยันว่าสิ่งที่เป็นปัญหาคือรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่ถูกเขียนโดยคณะรัฐประหาร ขาดความชอบธรรม ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้การเมืองไม่มีเสถียรภาพ และทำให้การแก้ไขปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนเป็นไปได้ยาก เพราะทุกอย่างสอดคล้องกัน ทุกพรรคการเมืองจึงเห็นพ้องที่จะแก้ไข ขณะเดียวกันเราก็ไม่ได้บอกว่าจะหยุดแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน แต่เห็นว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ก็ควรจะทำไปพร้อมๆกัน