“กัณวีร์“ สุดงง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้งบ 6.3 หมื่นล้าน สางปัญหามลพิษข้ามแดนในแม่น้ำกก-เหมืองแร่แรร์เอิร์ธ ไม่ได้ ปล่อยกระทรวงต่างประเทศ แก้ปัญหา ชี้ ไม่ควร

ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 11 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วาระ 2-3 

นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม อภิปรายมาตรา 7 งบสำนักนายกรัฐมนตรี  โดยกล่าวถึงสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ที่ทำหน้าที่สามารถประสานสิบทิศทุกกระทรวง ทบวง กรมแต่ปัญหาในแม่น้ำกก สาย รวก โขง ซึ่งเป็นปัญหามลพิษข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน ประชาชนตั้งแต่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย จนถึงลุ่มแม่น้ำโขงได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวง แต่เหตุใดถึงไม่มีการจัดการและไม่ยอมให้ สทนช.เป็นคนบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการศึกษาปรากฏการณ์ลานีญา-เอลนีโญ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบต่ออากาศในภูมิภาค รวมถึงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และงบประมาณในการใช้น้ำทั้งระบบ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านน้ำและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน 

แต่กรรมาธิการชุดนี้กลับไม่มีข้อสังเกตให้พิจารณาเรื่องมลพิษข้ามแดน การทำเหมืองทอง เหมืองแร่แรร์เอิร์ธจากประเทศเมียนมา ส่งผลกระทบหลายหมื่นคน  เหตุใดถึงไม่ให้หน่วยงานนี้เป็นผู้จัดทำ แต่เสนอให้กระทรวงการต่างประเทศ  เป็นหน่วยงานสำคัญในการแก้ปัญหามลพิษข้ามแดน การบูรณาการของ สทนช.ที่มี 439 โครงการ งบประมาณทั้งหมด 63,000 ล้านบาท 6 กระทรวง 12 หน่วยงาน 2 รัฐวิสาหกิจ แต่ไม่มีหน่วยงานไหนที่ทำเรื่องมลพิษข้ามแดน เหตุใดถึงไม่ดูเรื่องการบูรณาการ

การให้กระทรวงต่างประเทศดำเนินการนั้น เขาก็มีหน้าที่ในการเจรจากับเพื่อนบ้าน แต่ปัญหามลพิษข้ามแดนมีตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ หากยอมแก้ไขปัญหาที่ต้นประเทศ เราก็จะต้องมีการแก้ไขปัญหาในประเทศแล้วจะใช้งบประมาณจากไหน จึงต้องให้ สทนช.บูรณาการ ไม่ใช่กระทรวงต่างประเทศ 

ขณะที่ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) ควรมีระบบติดตามดูแลแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาในประเทศอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เพื่อสามารถบริหารจัดการแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นกลไกหนึ่งในการรักษาความมั่นคงของชาติ ทั้งในด้านสังคม เศรษฐกิจ และความปลอดภัย 

นายกัณวีร์ กล่าวต่อว่าตนเองมีความคุ้นเคยกับการทำงานของ  สมช.ที่เป็นหน่วยงานที่ทำเกี่ยวกับเรื่องของความมั่นคงแห่ง ส่วน สขช.ทำปฏิบัติการทางการข่าวและนโยบายเกี่ยวกับการข่าว สองหน่วยงานนี้ทำเกี่ยวกับแรงงานข้ามชาติอยู่แล้วแต่กลับไปเสนอให้เขาจัดทำงบประมาณเกี่ยวกับการจัดทำระบบต่าง ๆ  แบบนี้ถูกต้องหรือไม่

หน่วยงานที่จะทำเรื่องแรงงานข้ามชาติจะต้องอยู่ภายใต้ยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าว แต่ทั้งสองหน่วยงานยังใช้แผนงานเดิม จึงตั้งสังเกตว่าข้อเสนอของกรรมาธิการไม่ไปสะกิดต่อมการจัดทำแผนงานหรือยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับแรงงานข้ามชาติหรือ