เปิดญัตติ สส.ภูมิใจไทยยื่นด่วน! ขอรัฐสภาพิจารณายกเลิก MOU 43-44 ไม่รับอำนาจศาลโลก

เปิดญัตติ สส.ภูมิใจไทยยื่นด่วน! ขอรัฐสภาพิจารณายกเลิก MOU 43-44 ไม่รับอำนาจศาลโลก
เปิดญัตติ สส.ภท. เรียกประชุมรัฐสภาด่วน ยกเลิกเอ็มโอยู 43  และ 44    และไม่ยอมรับ อำนาจศาลโลก  ก่อนแสดงจุดยืน ปกป้องดินแดน   ทรัพยากร เกียรติภูมิประเทศ   พร้อมป้องกันความเสียหายในอนาคต 

นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส. กระบี่  พรรคภูมิใจไทย ในฐานะสมาชิกรัฐสภา ทำหนังสือถึงประธานรัฐสภา  เรื่อง ขอเสนอให้มีการเรียกประชุมร่วมกันของรัฐสภาโดยด่วน เพื่อพิจารณาการไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศและการยกเลิกบันทึกความเข้าใจ ระหว่างประเทศไทย-ประเทศ กัมพูชา โดยมีรายละเอียดว่า   ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยและประเทศกัมพูชาได้มีข้อพิพาททางดินแดน โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ปราสาทพระวิหาร และพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลในอ่าวไทย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติไทย ทั้งในด้านประวัติศาสตร์ ความมั่นคงและทรัพยากรธรรมชาติการที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice : ICJ) ได้มีคำวินิจฉัย ในปี พ.ศ. 2556 กรณีข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชาเกี่ยวกับการตีความคำพิพากษาปี พ.ศ.  2505   นั้น

โดยคำตัดสินเมื่อวันที่15 มิถุนาย 2505 มีข้อสงสัยและข้อโต้แย้งในสังคมไทยอย่างกว้างขวางว่า คำวินิจฉัย ชี้ขาดเรื่องเส้นเขตแดนระหว่างประเทศทั้งสองดังกล่าวไม่ได้ยืดหลักข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ และหลักกฎหมายระหว่างประเทศอย่างแท้จริง  อีกทั้งยังอาจกระทบต่ออธิปไตยของไทยเหนือดินแดนบริเวณ ดังกล่าว โดยเฉพาะเมื่อมีการตีความว่าไทยต้องถอนกำลังออกจากพื้นที่ที่ตนถือครองมาโดยตลอด และยกให้กัมพูชาเข้าปกครองโดยพฤตินัย ซึ่งส่งผลกระทบในทางยุทธศาสตร์และความมั่นคงของประเทศอย่างยิ่ง นอกจากคำวินิจฉัยของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศที่ไม่อาจยอมรับได้ในเชิงผลประโยชน์แห่งชาติแล้ว ยังมีปัญหาเรื้อรังเกี่ยวกับ "บันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding : MOU)" ที่ฝ่ายบริหารของไทยได้ลงนามไว้กับกัมพูชา โดยเฉพาะบันทึกความเข้าใจ ฉบับที่ 44 ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการยอมรับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล การสำรวจทรัพยากรธรรมชาติร่วมกัน และการเจรจาแบ่งผลประโยชน์ โดยที่ไม่ได้นำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา อันอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 178 วรรคสอง ซึ่งบัญญัติไว้อย่างชัดเจนว่า การทำสนธิสัญญาที่กระทบต่ออธิปไตย หรือเปลี่ยนแปลงอาณาเขตของรัฐ ต้องผ่านการให้ความเห็นชอบของรัฐสภา การดำเนินการใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและผลประโยชน์ของประเทศ โดยไม่ได้รับการตรวจสอบจากรัฐสภา ไม่เพียงแต่เป็นการล่วงละเมิดบทบัญญัติของ รัฐธรรมนูญ หากยังเป็นการลดทอนเกียรติภูมิของชาติ และเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ในเขตแดนของไทย โดยที่ประชาชนไทยอาจไม่ได้รับผลตอบแทนที่เป็นธรรม หรือเสี่ยงต่อการสูญเสียดินแดนอย่างถาวร

 ทั้งนี้ มติคณะรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อปี พ.ศ. 2552  ให้เหตุผลว่า "ประเทศไทยไม่สามารถดำเนินการตามข้อตกลงได้ เนื่องจากมีผลกระทบต่ออธิปไตยของชาติและไม่ผ่านรัฐสภา " ซึ่งถือเป็นแนวทางสำคัญที่รัฐสภาควรพิจารณาเป็นแบบอย่างในครั้งนี้ 

 ด้วยเหตุผลทั้งหมด ดังกล่าว ข้าพเจ้าเห็นว่า รัฐสภาในฐานะสถาบันสูงสุดของการใช้อำนาจอธิปไตยตามระบอบประชาธิปไตยจะต้องมีบทบาทอย่างเด็ดขาดในการแสดงเจตจำนงของชาติไทย และปกป้องผลประโยชน์ของประเทศโดยไม่มีเงื่อนไข  จึงใคร่ขอเสนอให้ท่านประธานรัฐสภา ได้ดำเนินการเรียกประชุมร่วมกันของรัฐสภาโดยเร่งด่วนเพื่อพิจารณาดำเนินการใน 2ประเด็นหลัก ได้แก่

 1. การไม่ให้การรับรอง หรือไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ในกรณีข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชา หากคำวินิจฉัยดังกล่าวมีผลกระทบต่ออธิปไตยและเขตแดนของไทย

 2. การพิจารณายกเลิกบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding - MOU) ฉบับที่43  (ว่าด้วยแนวแขตทางบก) และฉบับที่ 44 (ว่าด้วยเขตทางทะเล) ที่ไม่ได้ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาและอาจมีผลกระทบต่อเขตแดนและผลประโยชน์แห่งชาติ การประชุมร่วมกันของรัฐสภาในครั้งนี้ จะเป็นหลักฐานสำคัญว่า ประเทศไทยมีความมั่นคงในหลักการ มีจุดยืนชัดเจนต่อเวทีระหว่างประเทศ และสามารถดำรงไว้ซึ่งอธิปไตยของตนเองอย่างมั่นคงหากไม่มีการดำเนินการในทันที อาจก่อให้เกิดความเสียหายที่ไม่อาจแก้ไขได้ในอนาคต ทั้งในเชิงกฎหมายทรัพยากร และเกียรติภูมิของชาติ ในการนี้ กระผมจึงเห็นว่าหากได้มีการเรียกประชุมร่วมกันของรัฐสภาโดยด่วน เพื่อพิจารณาการไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ และการยกเลิกบันทึกความเข้าใจ ระหว่างประเทศไทย กับประเทศกัมพูชา เพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญ และปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนและแผ่นดินไทยโดยแท้จริง
 

TAGS: #ชายแดนไทย-กัมพูชา #หยุดยิง #ภูมิใจไทย #ญัตติด่วน # MOU #43-44 #ศาลโลก