"หมอมิ้ง"ยัน"นายกฯ"เจตนาปกป้องผลประโยชน์ชาติ มีพยานหลักฐานพร้อม ใช้สู้คดีในศาล 

เลขาธิการนายกฯ  ชี้ หากทำคำชี้แจงศาล รธน.ไม่ทัน ต้องขอขยายเวลา 15 วัน บอก ย้ำมีพยานหลักฐานพร้อม ย้ำ ทำด้วยเจตนาดี เพื่อประเทศชาติ ไม่ใช่การเจรจาระหว่างรัฐบาล

น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เผย ความคืบหน้ากรณีขอศาลรัฐธรรมนูญขยายระยะเวลาส่งคำชี้แจงต่อศาลออกไปอีก 15 วัน กรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชา โดยระบุว่าขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการ และหากไม่สามารถชี้แจงได้ทันก็จะขอขยายระยะเวลาออกไปอีก

เมื่อถูกถามถึงกรณีที่ขอให้ นายวิษณุ เครืองาม ประธานกรรมการกฤษฎีกา เข้ามาช่วยดูคดีนี้หรือไม่ น.พ.พรหมินทร์ กล่าวว่า "วันนี้ข้อเท็จจริงต้องมาก่อน ซึ่งที่ปรึกษากฎหมายทุกคนหากมีข้อคิดเห็นและข้อแนะนำดีๆ เราก็พร้อมรับฟังทั้งหมด"

สำหรับประเด็นที่จะใช้ในการชี้แจงข้อกล่าวหา น.พ.พรหมินทร์ ยืนยันว่า "ความเป็นจริงมีเจตนาที่จะรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ" โดยชี้ว่าฝ่ายไทยถูกใช้ประโยชน์จากวิธีการที่ไม่เหมาะสม เช่น การนำคลิปการพูดคุยส่วนตัวมาเปิดเผย แต่หากฟังในเนื้อหาก็จะเห็นเจตนาทั้งหมดในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศ ด้วยวิธีการที่เราสื่อสารกับคนที่ไม่ได้เป็นตัวแทนรัฐบาล "ผมว่าหลักการนี้ชัดเจน" เลขาธิการนายกฯ กล่าว

น.พ.พรหมินทร์ ยืนยันถึงเหตุการณ์ที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พูดบนเวทีเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด โดยในวันนั้นนายกรัฐมนตรีถูกติดต่อมาและถูกเลื่อนนัดมา 2-3 ครั้ง จนเกิดความไม่สบายใจ ตนจึงได้เชิญ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้น เข้าไปด้วย เพื่อรอนายเคลียง ฮวด ผู้ประสานและล่ามแปลภาษาของฝั่งกัมพูชา โดยนายเคลียง ฮวด อ้างว่าต้องหารือกับสมเด็จฮุนเซนก่อน แต่กลับมีการถ่ายภาพของสมเด็จฮุนเซนนอนส่งกลับมา ซึ่งทางเราได้ขอให้ปลุกเนื่องจากเป็นเรื่องใหญ่ แต่เขากลับไม่ทำตาม ที่สำคัญคือ สมเด็จฮุนเซนไม่ได้เป็นผู้แทนของรัฐบาลในเวลานั้น

เลขาธิการนายกฯ กล่าวอีกว่า การเจรจาระหว่างนายกรัฐมนตรีกับสมเด็จฮุนเซนนั้น ไม่ใช่การเจรจาระหว่างรัฐบาล ซึ่งสามารถนำขึ้นมาต่อสู้ในชั้นศาลได้ โดยฝ่ายไทยจะเล่าข้อเท็จจริงให้ศาลรับทราบถึงเจตนา เพราะนายกรัฐมนตรีเน้นการคุยกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง แม้จะมีการต่อสายนอกเวลา แต่ไม่มีการรับปากใดๆ เพียงบอกว่าจะไปหารือแล้วจะกลับมาคุยเท่านั้น แต่เขากลับนำเรื่องนี้มาเผยแพร่ในระหว่างที่ไทยกำลังประชุมอยู่ที่บ้านพิษณุโลก

น.พ.พรหมินทร์ยืนยันว่า หากมีความจำเป็น ทั้งตน รมว.ต่างประเทศ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ และรองนายกฯ ภูมิธรรม เวชยชัย ก็พร้อมที่จะเป็นพยานให้นายกรัฐมนตรีในชั้นศาล เนื่องจากมีหลักฐานครบ มีพยานที่จะยืนยันเจตนา และได้หารือใกล้ชิดกับกองทัพอยู่มาโดยตลอด พร้อมยืนยันว่า "ไม่ได้มีอะไรอย่างที่เขากล่าวหา"

TAGS: #พรหมินทร์เลิศสุริย์เดช #ศาลรัฐธรรมนูญ #ศาลรธน. #แพทองธาร