พรรคประชาชน จี้ รมว.คลัง- รมว.ต่างประเทศ ลาออก รับผิดชอบ ภาษีทรัมป์ 36%
ที่รัฐสภา นายจุลพงศ์ อยู่เกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา และรองประธานกมธ.การต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงกรณี สหรัฐฯ เรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่จะใช้กับสินค้าส่งออกจากประเทศไทยจะเป็นอัตราร้อยละ 36 ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.เป็นต้นไป ว่า จากการตรวจสอบข่าวดังกล่าวเป็นความจริง ดังนั้น การที่รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้ภาษีนำเข้าสูงถึงร้อยละ 36 กับประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงนโยบายที่ผิดพลาด และการไร้ประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ ทั้งด้านการค้าระหว่างประเทศ และการต่างประเทศโดยสิ้นเชิง
“รัฐบาลเพิ่งเปลี่ยนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์คนเดิมจึงพ้นตัวไป ที่เหลืออยู่ตั้งแต่แรก คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผมจึงขอเรียกร้องให้ทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงให้เห็นว่า เมื่อนักการเมืองทำนโยบายที่ผิดพลาด และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติ ควรแสดงความรับผิดชอบโดยการลาออก ไม่ต้องให้ใครมาไล่ หรือปลดออก” นายจุลพงศ์ กล่าว
นายจุลพงศ์ กล่าวถึงสาเหตุที่เรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังลาออก เนื่องจากตั้งแต่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้ารับตำแหน่ง เมื่อต้นเดือน ม.ค. ฝ่ายค้าน และกมธ.การพาณิชย์ฯ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเจรจาเรื่องภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ โดยด่วน ซึ่ง กมธ.การพาณิชย์ฯ ได้มีการประชุมเรื่องดังกล่าว ไม่น้อยกว่า 4 ครั้ง โดยมีภาคเอกชน อาทิ สภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเจรจา และ กมธ.การพาณิชย์ฯ เคยส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีให้เร่งเจรจา แต่ก็ไม่เป็นผล รัฐบาลยังคงปล่อยให้ข้าราชการประจำทำงาน แต่ไม่มีความคืบหน้า อีกทั้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแจ้งว่า จะใช้นโยบายรอไปก่อน โดยอ้างว่าประเทศเวียดนามรีบเจรจาแล้ว ยังไม่มีความคืบหน้า แต่ขณะนี้ประเทศเวียดนาม โดนภาษีนำเข้าเพียงร้อยละ 20 เพราะฉะนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทำงานผิดพลาดอย่างรุนแรง
นายจุลพงศ์ กล่าวว่า สำหรับสาเหตุที่เรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลาออก เนื่องจากควรจะมีบทบาทในการต่อรอง และเจรจา ร่วมกับกระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ แต่บทบาทของกระทรวงการต่างประเทศกลับเฉื่อยชา และไม่มีบทบาท มีการเชิญมาชี้แจงกับกมธ.ก็ไม่มา อีกทั้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็ไม่สามารถเดินทางไปสหรัฐฯได้ เพราะติดปัญหาการเข้าเมืองสหรัฐฯ ที่เกิดจากกรณีอุยกูร์ ทำให้การประสานการค้า และการทูตด้อยลงไป ซึ่งจะเห็นว่าการต่างประเทศอ่อนลงมาก