"อนุสรณ์" ชี้ฝ่ายค้านขอนับองค์ประชุมพร่ำเพรื่อ ไม่เกินคาด เตือน ส.ส.รัฐบาลต้องพร้อมรับเกมการเมือง – จี้ "ส้ม–น้ำเงิน" เลิกลับลวงพราง ประชาชนสับสน
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองภายในสภาผู้แทนราษฎร หลังจากการเปิดประชุมสมัยสามัญประจำปี 2568 วันแรก ที่ฝ่ายค้านเสนอขอนับองค์ประชุม จน ส.ส.เพื่อไทยเสนอให้นับโดยวิธีขานชื่อ ก่อนที่ประธานจะสั่งปิดประชุม โดยยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้ถือว่าสภาล่ม และไม่เหนือความคาดหมาย
“ฝ่ายค้านทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ มีแนวโน้มจะสมัครสมานสามัคคีกันขอนับองค์ประชุมพร่ำเพรื่อ หากพวกเขาจะถือว่าการทำให้สภาล่มเป็นดัชนีชี้วัดความสำเร็จ ก็เป็นสิทธิ์ แต่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลต้องเตรียมพร้อมรับมือเกมการเมืองทุกรูปแบบ” นายอนุสรณ์กล่าว
เขาระบุว่า การที่ ส.ส.บางคนอยู่ในห้องประชุมแต่ไม่ยอมแสดงตน ก็เท่ากับไม่ปฏิบัติหน้าที่ต่อประชาชนที่ส่งมา และอาจถูกตั้งคำถามถึงความรับผิดชอบ เพราะทุกคนดำรงตำแหน่งด้วยเงินภาษีของประชาชน พร้อมเตือนว่า ส.ส.รัฐบาลต้องยกระดับการทำงานให้มีความพร้อมตลอดเวลา
นายอนุสรณ์ ยังกล่าวถึงบรรยากาศคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ที่เริ่มปฏิบัติหน้าที่อย่างคึกคัก โดยเฉพาะนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ที่แม้จะอยู่ระหว่างถูกพักปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ก็ได้เริ่มงานใหม่ที่กระทรวงวัฒนธรรม ท่ามกลางกำลังใจจากรัฐมนตรีและ ส.ส.พรรคเพื่อไทย
“รัฐบาลชุดนี้เผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และความมั่นคง เชื่อว่าทุกคนจะเปลี่ยนแรงกดดันเป็นพลังในการผลักดันนโยบาย พลิกวิกฤตเป็นโอกาส และสร้างผลงานที่จับต้องได้โดยเร็ว” นายอนุสรณ์กล่าว
เขาย้ำว่าประชาชนยังคงให้โอกาสรัฐบาลพิสูจน์ฝีมือ บนพื้นฐานความตั้งใจจริงในการแก้ปัญหา ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การคลี่คลายความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชา และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ในอีกประเด็น นายอนุสรณ์ได้แสดงความเห็นถึงกระแสข่าวว่าพรรคประชาชนอาจโหวตสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีชั่วคราว เพื่อผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยตั้งข้อสังเกตว่า ข้อเสนอดังกล่าวอ้างว่าทำเพื่อ “ผ่าทางตัน” ทั้งที่จริงประเทศยังไม่ถึงจุดนั้น แต่มีบางกลุ่มพยายามสร้างเงื่อนไขทางการเมือง
“ข้อเสนอเหมือนจะเสียสละ แต่แท้จริงคือพรรคประชาชนไม่มีแคนดิเดตนายกฯ ของตัวเองแล้ว จึงต้องหันไปสนับสนุนคนอื่น ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยเราผลักดันการแก้รัฐธรรมนูญมาโดยตลอด แต่อดีตพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคก็พยายามขัดขวาง ประชาชนจำได้ดี”
เขายังตั้งคำถามต่อความน่าเชื่อถือของพรรคที่ประกาศว่าจะยืนหลังตรงแต่กลับลับลวงพรางกันเอง
“วันนี้ประชาชนเลือกเชื่อไม่ถูก ระหว่างพรรคประชาชนกับภูมิใจไทย ใครพูดจริง ใครพูดเท็จ การบอกจะตั้งนายกฯ ชั่วคราวแล้วยุบสภา พรรคประชาชนถาม ส.ส.ตัวเองกับพรรคภูมิใจไทยแล้วหรือยัง ว่าอยากให้ยุบจริงหรือพูดเอาหล่อแต่ทำไม่ได้ ไหนบอกจะทำการเมืองสร้างสรรค์ ยืนหลังตรง มีประชาชนอยู่ในสมการ แต่กลับลับลวงพรางจนคนไม่รู้จะเชื่อใคร การเมืองสร้างสรรค์หอมกลิ่นความเจริญ หายไปตั้งแต่เมื่อไร” นายอนุสรณ์ กล่าว
