"เพื่อไทย" ปิดทางปรับครม.แบบเซ็ตซีโร่ เขี่ย "ภท." พ้นรัฐบาล ชี้ได้เก้าอี้เพิ่มเรียกเชื่อมั่น ปชช. ลดขัดแย้ง-ทำนโยบายได้เต็มที่ กำชับ สส. ให้ความสำคัญในสภา เชื่อประคองรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำรอดแน่
รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่ประชุมสส.พรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. มีการหารือถึงการปรับครม. สส.ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าต้องการให้พรรคเอาตำแหน่งรมว.มหาดไทย คืนมาจากพรรคภูมิใจไทย ซึ่งจากที่ได้หารือกับผู้บริหารพรรคและสส. ต่างก็เห็นด้วยในแนวทางนี้ ล่าสุดนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ได้ประกาศแยกทางจากรัฐบาลแล้ว เท่ากับว่าไม่ต้องมีการเซ็ตซีโร่ ปรับครม. ทั้งหมดแล้ว
สุดท้ายแม้ไม่มีพรรคภูมิใจไทยอยู่ร่วมรัฐบาล เท่ากับว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย จะได้เก้าอี้ในสัดส่วนของพรรคภูมิใจไทยคืนมาถึง 8 เก้าอี้ เช่น รมว.มหาดไทย รมว.ศึกษาธิการรมว.แรงงาน รมว.การอุดมศึกษาฯ และรัฐมนตรีช่วยอีก 4 เก้าอี้ รวมถึงรองประธานสภา ตรงนี้จะทำให้ สส.ของพรรคเพื่อไทยมีโอกาสเข้ามาทำงานเพื่อขับเคลื่อนนโยบายได้อย่างเต็มที่ เพราะ สส.ของพรรคที่ต่อสู้กันมาก็ควรได้มีโอกาสเข้ามาปฎิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรี รวมถึงสามารถเกลี่ยให้พรรคที่จะเข้ามาช่วยเติมเสียงให้รัฐบาลได้ ซึ่งการแยกทางกับพรรคภูมิใจไทยถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี เพราะที่ผ่านมาการทำงานของพรรคภูมิใจไทยมีความขัดแย้งกับเพื่อไทยมาโดยตลอด เช่น นโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ รวมถึงนโยบายการปราบปราบยาเสพติดที่กระทรวงมหาดไทยเหมือนจะเกียร์ว่าง ไม่ทำอย่างจริงจัง รวมถึงมีการเล่นเกมใต้ดินในรูปแบบต่างๆ
รายงานข่าว แจ้งว่า หากรัฐบาลไม่มีพรรคภูมิใจไทยจะทำให้ภาพลักษณ์ของเราดีขึ้น เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับประชาชน สามารถทำตามนโยบายต่างๆได้เต็มที่ เพราะที่ผ่านมาประชาชนจะเห็นภาพความขัดแย้งในรัฐบาลระหว่างพรรคเพื่อไทยกับภูมิใจไทยมาโดยตลอด นอกจากนี้ สส.ของเราก็มีโอกาสได้เป็นรัฐมนตรีมากขึ้น ส่งผลดีที่สามารถให้เราทำตามแนวทาง ตามนโยบายที่ประกาศไว้ตอนหาเสียงได้ แม้เสียงรัฐบาลจะเหลือประมาณ 260เสียง ก็เชื่อว่าจะสามารถประคับประคองกันไปได้
ส่วนที่มีการเสนอกระทรวงสาธารณสุขหรือกระทรวงพาณิชย์เพื่อแลกนั้น สส. ในพรรคเห็นว่าไม่เหมาะสม เนื่องจากเป็นกระทรวงใหญ่ เชื่อมโยงกับประชาชนในเรื่องปากท้อง ชีวิตความเป็นอยู่ ถือเป็นฐานเสียงใหญ่ของพรรค หากปล่อยให้ไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย เท่ากับไปเพิ่มกำลังฐานเสียงให้กับเขาที่จะใช้ในการเลือกตั้งได้ ดังนั้นการปรับ ครม. ครั้งนี้ พรรคต้องมองไปที่การเลือกตั้งครั้งหน้า เป็นปัจจัยในการพิจารณาด้วย เพราะจะส่งผลถึงคะแนน ความนิยมของพรรคในอนาคตด้วย
อย่างไรก็ตามการไม่มีพรรคภูมิใจไทยร่วมรัฐบาล พรรคเพื่อไทยจะต้องเจอกับนิติสงครามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พรรคเพื่อไทยจะต้องเตรียมรับมือกับคดีความทางการเมืองที่จะต้องมีมากขึ้น เพราะเขามีเครือข่ายอยู่ในองค์กรต่างๆ ส่วนงานสภา พรรคเพื่อไทยก็ต้องจัดระเบียบให้ดี กำชับกับสส. ให้ความสำคัญ กับกฎหมายที่จะเข้าพิจารณา เช่น กฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ กฎหมายงบประมาณฯ รวมถึงการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ
“วันนี้ต้องกล้า การให้เวลากับพรรคภูมิใจไทย 48 ชั่วโมงนั้นถือว่ามากเกินไปแล้ว เพราะภูมิใจไทยก็ยืนยันมาอย่างชัดเจนด้วยคำพูดของหัวหน้าพรรคว่าหากไม่ได้กระทรวงมหาดไทยก็จะไม่ร่วมรัฐบาล จึงถือว่าหมดเวลาแล้วสำหรับพรรคภูมิใจไทยกับรัฐบาลนี้และไม่มีความจำเป็นที่ต้องเอากระทรวงใดๆไปแลก” แหล่งข่าวระบุ