"อัครเดช" ชี้ ปัญหาภายในพรรค รทสช."ถึงที่สุดแล้ว" หวังเคลียร์ใจผ่านเวทีพรรค ยืนยัน พรรครับมือได้ ขออย่าด่วนสรุป จะซ้ำรอย  พปชร.-กล้าธรรม

ที่รัฐสภา นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เผย กรณีเอกสารพร้อมลายเซ็น ส.ส. 21 คนของพรรค ที่เสนอให้นายกรัฐมนตรีปรับคณะรัฐมนตรี โดยระบุว่า ยังไม่มีการเรียกประชุม ส.ส.พรรค เนื่องจากอยู่ในช่วงปิดสมัยประชุม และสมาชิกกำลังลงพื้นที่ทำงานกับประชาชน

นายอัครเดช กล่าวอีกว่า บรรยากาศในกลุ่มไลน์พรรคขณะนี้เงียบมาก ไม่มีการพูดคุยใด ๆ รวมถึงจากแกนนำพรรคอย่าง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ก็ไม่ได้ส่งข้อความหรือมีคำสั่งใดเพิ่มเติม คาดว่าอาจมีการพูดคุยส่วนตัวในบางระดับตามที่เลขาธิการพรรคเคยให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้

เมื่อถูกถามถึงกรณีที่เลขาธิการพรรคระบุว่าอาจมีการปลอมลายเซ็นในหนังสือดังกล่าว นายอัครเดชกล่าวว่า ต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าของลายเซ็นในการชี้แจง ยืนยันว่าไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นลายเซ็นจริงหรือไม่

ส่วนกรณีที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ออกมาระบุว่าจะไม่พูดคุยกับเลขาธิการพรรค และมีข่าวลือเรื่องดีลล้มหัวหน้าพรรค นายอัครเดชกล่าวว่า ไม่เคยได้ยินคำให้สัมภาษณ์นี้มาก่อน และไม่ได้ยินเรื่องดีลใด ๆ ย้ำว่าการพูดคุยของผู้ใหญ่ในพรรคคือแนวทางที่ดีที่สุดในการคลี่คลายสถานการณ์

นายอัครเดช ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์ของพรรคในตอนนี้ถือว่า “ถึงที่สุดแล้ว” แต่เชื่อว่าจะค่อย ๆ ดีขึ้น เมื่อทุกฝ่ายแสดงจุดยืนและความคิดเห็นผ่านสื่อแล้ว เวทีต่อไปจึงควรเป็นการพูดคุยภายในพรรค และคาดว่าจะมีการประชุมเมื่อเปิดสมัยประชุมสภา เพื่อทำให้พรรคสามารถเดินหน้าต่อได้และยังคงเป็นที่พึ่งของประชาชน

เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีความแตกแยกของพรรคพลังประชารัฐ นายอัครเดชชี้ว่า บริบทของ รทสช. แตกต่างกัน ทั้งสถานการณ์และตัวบุคคล จึงไม่ควรด่วนสรุปว่า รทสช.จะซ้ำรอยพรรคอื่น พร้อมย้ำว่า สมาชิกและผู้บริหารพรรคต่างมีเป้าหมายเพื่อทำงานให้กับประชาชน และเมื่อมีปัญหา ก็ต้องเคลียร์กันโดยเร็ว

ส่วนกระแสข่าวที่ว่านายสุชาติอาจใช้ “โมเดลแตกพรรค” แบบเดียวกับพรรคกล้าธรรม นายอัครเดช กล่าวว่า ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้โดยตรง และมองว่าเป็นเพียงการวิเคราะห์จากสื่อ แต่ย้ำว่า ทั้งนายสุชาติและเลขาธิการพรรคต่างมีเจตนาดี และการพูดคุยน่าจะเกิดขึ้นในเร็ววันเพื่อพาพรรคกลับเข้าสู่ภาวะปกติ