ปธ.วุฒิ นำทีม สว. แถลงเรียกร้อง “รัฐบาล” เปิดวิสามัญ ถกข้อพิพาท “ไทย-กัมพูชา” ชี้ ถึง “เขมร” ถอยแล้ว แค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ยังไม่ใช่ระยะยาว “มงคล” บอกยิ่งเร็วยิ่งดี ควรครอบคลุมพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลด้วย
สว. เรียกร้อง “รัฐบาล” เปิดวิสามัญ ถกข้อพิพาท “ไทย-กัมพูชา”
ประธานวุฒิ นำทีม สว. แถลงเรียกร้อง “รัฐบาล” เปิดวิสามัญ ถกข้อพิพาท “ไทย-กัมพูชา” ชี้ ถึง “เขมร” ถอยแล้ว แค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า ยังไม่ใช่ระยะยาว “มงคล” จี้ บอกยิ่งเร็วยิ่งดี ต้องครอบคลุมพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลด้วย
นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา (สว.) นำสว. แถลงข่าวเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อหารือถึงสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค.จนถึงปัจจุบัน
นายมงคล อ่านแถลงการณ์ ว่า สถานการณ์ดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มว่าจะเกิดความรุนแรง แต่ล่าสุดมีสัญญาณที่ดีที่ฝ่ายกัมพูชายินยอมถอนกำลังกลับออกไป แต่ยังเป็นเพียงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในระดับพื้นที่ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาระยะยาวอย่างถาวร จึงเป็นเรื่องที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป และ สว. ต้องขอขอบคุณทหารไทยทุกเหล่าทัพ รวมถึงตำรวจและฝ่ายปกครองที่ได้แสดงจุดยืนในการรักษาอำนาจอธิปไตยภายใต้การเจรจาอย่างสันติ ทำให้สถานการณ์เป็นไปในทางที่ดีขึ้น
ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า เมื่อพิจารณาถึงหน้าที่ของรัฐ ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด 5 มาตรา 52 วรรคหนึ่ง ว่า “รัฐต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน” แล้ว สว.ในฐานะที่เป็นองค์กรฝ่ายนิติบัญญัติ จึงตระหนักถึงหน้าที่ความรับผิดชอบ และขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปกป้องผลประโยชน์ของชาติและธำรงไว้ซึ่งอธิปไตยเหนือผืนแผ่นดินไทย
นายมงคล กล่าวว่า สว.ตระหนักถึงแนวทางในการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาข้อพิพาทโดยสันติวิธี แต่ต้องยืนอยู่บนหลักการแห่งความเคารพซึ่งกันและกัน รวมทั้งปฏิบัติต่อกันด้วยความจริงใจและเท่าเทียมกันในฐานะมิตรประเทศ จึงขอเรียกร้องไปยังรัฐบาล ให้ปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญอย่างเข้มแข็ง เพื่อรักษาไว้ซึ่งเกียรติภูมิของประเทศ ขอให้รัฐบาลได้ยืนหยัดในการสงวนสิทธิไม่ยอมรับเขตอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice : ICJ) ในกรณีที่มีข้อพิพาทตามสัญญาระหว่างประเทศ
นายมงคล กล่าวต่อว่า ขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหาร ให้ดำเนินการกราบบังคมทูล เพื่อมีพระบรมราชโองการเรียกประชุมรัฐสภาเป็นการประชุมสมัยวิสามัญ เพื่อให้ฝ่ายบริหารได้แถลงข้อเท็จจริงทั้งหมด และเปิดโอกาสให้ ส.ส.และ สว. ในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย ได้ร่วมกันเสนอแนวคิดและแนวทางในการคลี่คลาย สถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้รัฐบาลได้นำไปเป็นข้อพิจารณาประกอบการตัดสินใจ ซึ่งต้องกระทำอย่างเร่งด่วน ยืนยันว่าการเปิดประชุมครั้งนี้ จะเป็นเวทีหลอมรวมพลังของคนในชาติ ในการผนึกกำลัง เพื่อแก้ไขวิกฤตที่เกิดขึ้นในทุกมิติ
ประธานวุฒิสภา กล่าวต่อว่า การที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีจะเป็นฝ่ายริเริ่มจะมีความเหมาะสมและมีความสง่างาม รวมทั้งเป็นการแสดงความกล้าหาญ อันเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกต่อสาธารณชนว่ารัฐบาลไม่ได้เพิกเฉยหรือปัดความรับผิดชอบ แต่พร้อมเผชิญหน้าและดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาผ่านกลไกรัฐสภา ทั้งนี้ สว.ขอส่งกำลังใจไปยังข้าราชการทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่พิพาท ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญ เสียสละและเข้มแข็ง เพื่อรักษาเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของประเทศ ในการรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดนและรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ด้วยความศรัทธาและเชื่อมั่น ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด
ภายหลังอ่านแถลงการณ์ นายมงคลได้ตอบคำถามสื่อมวลชน ในส่วนได้มีการกำหนดกรอบเวลาการพิจารณาของรัฐบาลได้หรือไม่ ว่า หากเป็นไปได้โดยเร็วที่สุด ก็ยิ่งดี เราเป็นพลังหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนให้รัฐบาลได้มีความมั่นใจ มั่นคงว่า คนไทยทุกคนพร้อมที่จะร่วมมือร่วมใจกับรัฐบาล ในการรักษาประโยชน์และอำนาจอธิปไตยของประเทศไทย
เมื่อถามว่า ขณะนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ภายหลังเกิดการปรับกำลังพลออกจากพื้นที่ ฝั่งประเทศไทยยังวางใจได้หรือไม่ นายมงคล กล่าวว่า เป็นเพียงสถานการณ์เฉพาะพื้นที่ แต่ในหลักการจริงๆ แล้ว ยังไม่มีความชัดเจน จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด และตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะลงพื้นที่ไปรับฟังความคิดเห็น ไปสร้างความอบอุ่นใจให้กับประชาชน
ส่วนวุฒิสภาจะมีข้อเรียกร้องอย่างไร ถึงแนวทางการปฏิบัติของรัฐบาล เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในอนาคตอีก นายมงคล กล่าวว่า เราจะใช้การปรึกษาหารือ เป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน เพราะนี่คือผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ซึ่งเราในฐานะที่เป็นองค์กรฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายบริหาร ต้องรับผิดชอบร่วมกัน
เมื่อถามว่าความคาดหวังที่จะให้มีการเปิดประชุมโดยเร็วที่สุด จะต้องเป็นภายในสัปดาห์นี้ หรือสัปดาห์หน้าหรือไม่ นายมงคล กล่าวว่า เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องพิจารณา
ส่วนมองการจัดการสถานการณ์ในฝั่งไทยขณะนี้อย่างไร นายมงคล กล่าวว่าเชื่อว่า ในการทำงาน โดยเฉพาะความชัดเจนจากฝ่ายความมั่นคง และผู้ปฏิบัติในพื้นที่ มีความชัดเจน ซึ่งส่งผลให้การตัดสินใจของฝ่ายบริหาร สามารถทำได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าฝ่ายหน้างาน ปฏิบัติงานได้ดีกว่า ฝ่ายรัฐบาลที่จะต้องตัดสินใจ ใช่หรือไม่ นายมงคล ปฏิเสธว่า ไม่ใช่ ไม่ได้คิดเช่นนั้น ทุกฝ่ายร่วมมือกัน ปรึกษาหารือกัน
ถามว่า หากมีการเปิดสมัยประชุม นอกจากเรื่องข้อพิพาทนี้ จะมีการประชุมเรื่องอื่นด้วยหรือไม่ เช่น พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล นายมงคล กล่าวว่า ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ประเทศชาติและประชาชน เป็นบูรณภาพของดินแดนไทย ซึ่งคนไทยทุกคนต้องพึงรักษาไว้ เราต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย สนับสนุนซึ่งกันและกัน
เมื่อถามว่า การเรียกร้องให้เปิดสมัยประชุม เป็นเพราะไม่ไว้วางใจการเจรจาของฝ่ายรัฐบาลใช่หรือไม่ เนื่องจากยังมีเรื่องความใกล้ชิดของตระกูลชินวัตร และสมเด็จฮุน เซน ผู้นำของฝ่ายกัมพูชา นายมงคล ระบุว่า เป็นคนละประเด็นกัน แต่เราเชื่อว่าคนไทยทุกคนรักบ้านรักเมือง ทุกคนรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ
เมื่อถามว่าหากไม่มีการเปิดสมัยประชุมจะมีการทำอย่างไรต่อไป นายมงคล เห็นว่า เป็นเรื่องที่ต้องว่ากันไปแล้วแต่สถานการณ์ เป็นดุลพินิจของรัฐบาล หากสามารถดำเนินการได้ด้วยตนเอง ก็อาจจะไม่ต้อง เพราะสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป อะไรๆ ก็เปลี่ยนได้
สำหรับข้อเสนอที่อยากให้สั่งไทยตัดไฟ ตัดท่อน้ำเลี้ยงของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ วุฒิสภาเห็นด้วยหรือไม่ นายมงคล กล่าวว่า เป็นเรื่องของหน้างาน และผลของการเจรจา เราไม่ได้สนับสนุน แต่ต้องการทำการภายใต้หลักเหตุและผล ทุกเรื่องมีเหตุมีผลของมันเอง เราคิดแค่ว่า คนไทยทุกคนพร้อมที่จะสนับสนุนรวมใจกันเป็นหนึ่ง เพื่อสร้างความสงบสุขภายใต้พื้นฐานของการไม่ใช้ความรุนแรง อยู่ภายใต้ความรัก ความสามัคคี และผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน