“ ชาดา ” ย้ำ เงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ต ต้องจ่าย แนะ ถ้าทำไม่ได้ หาคนทำได้ มานั่งแทน !
นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ลุกอภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ วาระร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569
นายชาดา กล่าวว่าในฐานะที่อยู่ในสภาฯ มาพอสมควร ขอชื่นชมฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลมีการพัฒนาในการอภิปรายอย่างมาก ปี 69 มีงบประมาณลงทุน 7 แสนล้านบาท คนพูดกันตลอดเวลาว่าทำไมช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยในประเทศนี้จึงห่างขึ้นทุกวัน ยกตัวอย่าง ในงบลงทุนเป็นงบก่อสร้าง 4.75 แสนล้านบาท ซึ่งงบก่อสร้างไม่เหมือนในอดีตเพราะต้องถูกตัดไปให้ธนาคาร 5% จึงอยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้ามาดูเพราะเป็นการเอาเปรียบประชาชน ในจำนวนนี้มีค่าธรรมเนียม 2.5% ต่อปี นอกจากนี้ยังมีเรื่องเร่งรัดการเบิกจ่ายอีก 15% ซึ่งธนาคารตัดไป 3% และคิดค่าธรรมเนียมอีกต่างหาก
งบก่อสร้าง มีเครื่องจักรเหล็กหินวัสดุที่เป็นปูน หากเป็นงานถนนมีแรงงานเพียง 15% เงินส่วนนี้ไม่ได้ไปสู่ระบบข้างล่าง เพราะไปสู่ชนชั้นกลางและข้างบนปัจจุบันแรงงานเป็นต่างด้าวทั้งหมด จึงทำให้เกิดปัญหาช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยในประเทศมากขึ้น เพราะงบของรัฐบาล
รัฐบาลชุดไหนก็โครงสร้างงบประมาณเหมือนกัน สิ่งที่เป็นปัญหากับประเทศคือ กลุ่มทุนเอาไปมาก ธนาคารเอาไปเยอะ ไม่มีคำว่าขาดทุน เรื่องนี้ต้องมาคิดดูให้ดีสิ่งสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ใช่โครงการก่อสร้างอย่างเดียว เพราะมีเรื่องการพัฒนาแรงงานและอีกหลายเรื่อง จึงฝากรัฐบาลทำให้ไปถึง
“ผมยอมรับว่าเมื่อก่อนไม่เห็นด้วยกับการแจกเงินดิจิทัลหนึ่งหมื่นบาทของพรรคเพื่อไทย แต่ปัจจุบันนี้เห็นด้วย ฝากไปถึงนายกรัฐมนตรีต้องแจก เงินมี ใครที่อยู่ข้างบน แจกไม่ได้ลงมาเอาคนอื่นขึ้นไปนั่ง ถ้าทำให้นายกฯ ไม่ได้ ลงมา คนอื่นมีเยอะแยะที่เขาทำได้ ประเทศไทยเงินมีเยอะ ตรงไหนติดขัดก็แก้ซะ ถ้าท่านไม่จัดการเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตให้เรียบร้อย อย่าไปแจกใกล้เลือกตั้ง อย่าว่าแต่เงินหมื่น 2 หมื่นก็แจกได้ ถ้าไม่แจกเขามาแน่ นายกเท้ง” นายชาดา กล่าว
นายชาดา กล่าวทิ้งท้ายว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจต้องหลากหลายกว่าในอดีต การใช้เงินต้องไปทั่วถึงทุกกลุ่มงบประมาณแผ่นดินเปรียบเสมือนถังใหญ่ที่รัฐบาลเก็บปลาจากพี่น้องประชาชนแล้วเอามาใส่ถัง ในถังจะมีรูดูดออกไปในหลายอาชีพ จึงต้องไปให้ทั่วถึงและเป็นธรรม เพื่อไม่ให้มีความเหลื่อมล้ำ