“สุดาวรรณ” ชี้งบ ก.วัฒนธรรม ปี 69 ไม่ใช่แค่ใช้จ่าย แต่เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า นำเอาทุนทางวัฒนธรรมมาต่อยอดเศรษฐกิจ
น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ชี้แจงงบประมาณของกระทรวงวัฒนธรรม ว่า เรื่องงานมหกรรมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และเจรจาธุรกิจ งานนี้จัดขึ้นต่อเนื่องจากงานพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ และในการจับคู่เจรจาธุรกิจผู้ประกอบการในครั้งนี้ คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้กว่า 200 ล้านบาท ทางกระทรวงฯจะได้นำเอาข้อห่วงใย และข้อเสนอแนะของสมาชิกไปปรับปรุง ซึ่งสำหรับการจัดทำงบปี 69 นี้ ได้ดำเนินอยู่ในหลักการที่ชัดเจนว่าต้องคุ้มค่า โปร่งใสและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยเป็นการนำเอาทุนวัฒนธรรมไปสู่การพัฒนาต่อยอด ชุมชนสังคมและประเทศชาติอย่างยั่งยืน เราจะเอาทุนทางวัฒนธรรมไปเป็นทุนทางเศรษฐกิจ
น.ส.สุดาวรรณ กล่าวว่า แนวทางหลักมี 4 ด้าน ประกอบด้วย ผลักดันเอามรดกทางวัฒนธรรมไทยไปสู่สากล มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ในปัจจุบันนี้ของประเทศไทยมีอยู่ 5 แห่ง ที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้ว ทั้งจังหวัดสุโขทัย พระนครศรีอยุธยา แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง เมืองโบราณศรีเทพ และล่าสุดที่ภูพระบาท ทั้งนี้ยังมีอีก 5 แหล่งที่ยังรอการขึ้นทะเบียนมรดกโลกอยู่ นอกจากจะสร้างความภาคภูมิใจให้ประชาชนที่เป็นเจ้าของแหล่งแล้ว ยังทำให้เป็นที่รู้จักส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ถือเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จทางเศรษฐกิจ และการพัฒนามรดกทางวัฒนธรรม สำหรับมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ประเทศไทยได้ขึ้นทะเบียนไปแล้วถึง 6 รายการในปัจจุบัน คือ โขน นวดไทย โนรา สงกรานต์ และปลายปีที่แล้วเราได้ขึ้นทะเบียน ต้มยำกุ้ง และ เคบาย่า โดยยังมีรอขึ้นทะเบียนอีก 4 รายการ ซึ่งจะทำให้เกิดการอนุรักษ์สืบสานคุ้มครองสิทธิ และสามารถต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้
ส่วนอีกแนวทางคือการส่งเสริมคุณวัฒนธรรมสู่การสร้างคุณค่าและมูลค่า ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมได้มีการจัดการท่องเที่ยวโบราณสถานยามราตรี ที่พระนครศรีอยุธยา ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างมาก หลังจากนำร่องไปได้เพียง 3 เดือน ทั้งผู้ประกอบการและประชาชนได้ทำจดหมายถึงกระทรวงวัฒนธรรมให้ขอขยายเวลา และในปีนี้ได้มีการจัดการท่องเที่ยวโบราณสถานยามค่ำคืนที่ปราสาทหินพิมาย และในอนาคตคาดหวังว่าจะมีการจัดกิจกรรมเช่นนี้ทั่วทุกภูมิภาค ไม่ว่าที่จังหวัดสุโขทัย หรือจังหวัดเชียงใหม่ให้ลำดับต่อไปนอกจากนี้ ยังมีการบูรณาการกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในการจัดทำเส้นทางใหม่เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยว และกระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างทั่วถึง รวมถึงการจัดมหกรรมศิลปะนานาชาติร่วมสมัย หรือ Thailand Biannale ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีและเพิ่มการจ้างงานได้ ซึ่งจัดมาแล้ว 3 ครั้ง สำนักงานศิลปะวัฒนธรรมร่วมสมัยได้ของบประมาณเพื่อจัดทำอีกในครั้งที่ 4 ที่จังหวัดภูเก็ตในปลายปีนี้
" สำหรับประเพณีสำคัญ เราได้สนับสนุน ผลักดันให้ประเพณีสำคัญของไทย ทั้งลอยกระทง สงกรานต์ เข้าพรรษา ให้เป็นประเพณีที่สามารถสร้างสีสันให้กับประเทศได้ ขณะที่อาหารไทยก็เป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ นอกจากการผลักดันต้มยำกุ้งให้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้วนั้น ยังมีโครงการ The Lost Taste รสชาติที่หายไป ซึ่งเราต้องการให้ทุกจังหวัดที่มีอาหารประจำถิ่นซึ่งกำลังจะเลือนหายไป ได้รักษาและเก็บไว้เพื่อนำมาสู่สายตาของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหาร แนวทางการส่งเสริมการนำเอาอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม ผ่านภาพยนตร์ ละครและซีรี่ส์ ก็เป็นอีกแนวทางในการ สร้างสรรค์เศรษฐกิจที่ดำเนินการภายใต้นโยบาย Soft Power กระทรวงวัฒนธรรมได้สนับสนุนให้ผู้ประกอบการด้านภาพยนตร์ ทั้งก่อนและหลังการถ่ายทำ " น.ส.สุดาวรรณ กล่าวทิ้งท้าย