“ จิราพร ” มั่นใจ ของบ 4 พันล้าน พัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ ไม่สูญเปล่า วอน ฝ่ายค้าน เปิดใจ ดูผลงานที่เพจ THACCA
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 2 ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 วงเงิน 3,780,600 ล้านบาทวาระแรก เป็นวันที่สุดท้าย
น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีลุกขึ้นชี้แจงงบประมาณในสัดส่วนของนโยบายซอฟพาวเวอร์ ว่า การขับเคลื่อนนโยบายซอฟพาวเวอร์ของรัฐบาลนั้นมีการขับเคลื่อนในสามส่วน ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ ได้มีการพัฒนาระบบนิเวศที่เรียกว่า อีโคซิสเต็มส์ เพื่อให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับซอฟพาวเวอร์สามารถที่จะเติบโตและก้าวหน้าไปได้ รวมถึงมีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์มีการเสริมทักษะบ่มเพาะสร้างแรงงาน และมีการเปิดตลาดโลก ขยายโอกาสและแสวงหาความร่วมมือกับต่างประเทศ เพื่อสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศ ส่วนที่เพื่อนสมาชิกอภิปรายจำนวนงบประมาณในการขับเคลื่อนนโยบายที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์พาวเวอร์ว่ารัฐบาลได้ใช้งบประมาณตั้งแต่ปี 2567 - 2569 ไปแล้วกว่า 18,000 ล้านบาท แต่ยังไม่เห็นผลงานที่คุ้มค่ากับงบประมาณที่ใช้ไปนั้น จิราพรกล่าวว่าท งบประมาณที่มีการของบภายใต้ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ในปี 2569 มีเพียง 4,000 ล้านบาทเท่านั้น แต่สมาชิกบางท่านได้นำตัวเลขจากที่อื่นมารวมเพิ่ม ซึ่งไม่ว่าจะเป็นตัวเลขใดก็ตาม ประเด็นสำคัญคือ งบประมาณปี 2569 ยังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาวาระแรก ยังไม่มีการอนุมัติหรืออนุมัติงบประมาณจากรัฐสภา งบปี 69 ยังไม่ได้ผ่านการพิจารณาในสภา แต่กลับนำตัวเลขมารวมและตั้งคำถามถึงผลงานว่าใช้งบไม่คุ้มค่า ซึ่งเป็นการเข้าใจผิด หรืออาจจะตีมึน หรือมึนจริง ๆ ก็เป็นได้ และคนที่ควรโครงการฝึกสตินั้น คงไม่ใช่คณะรัฐมนตรี แต่ควรจะเป็นเพื่อนสมาชิกต่างหากที่ควรเข้าร่วมเป็นคนแรก
น.ส.จิราพรพร กล่าวต่ออีกว่า งบประมาณที่ใช้ในการขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ขณะนี้ยังไม่ถึง 10,000 ล้านบาท การเริ่มใช้งบประมาณครั้งแรกในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา หากนับจากวันนั้นจนถึงปัจจุบัน ซึ่งยังไม่สิ้นสุดปีงบประมาณ 2568 เท่ากับว่ายังไม่ครบหนึ่งปีเต็ม
แต่ถือเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์อย่างจริงจัง และเป็นครั้งแรกเช่นกันที่มีการดึงภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางและการใช้งบประมาณอย่างเป็นรูปธรรม ปัจจุบันอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน ที่มุ่งหลอมรวมการทำงานระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเข้าด้วยกัน ซึ่งช่วงเริ่มต้นนี้จึงถือเป็นความท้าทายสำคัญที่คณะกรรมการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ต้องเผชิญ นโยบายนี้ไม่ได้มีเพียงมิติด้านการใช้งบประมาณเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงการปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ เพื่อลดอุปสรรค และผลักดันให้เกิดสิทธิประโยชน์ที่เอื้อต่อการพัฒนา ซึ่งในหลายด้านก็ได้มีการดำเนินการไปแล้ว
ในประเด็นที่มีสมาชิกบางท่านระบุว่ามีการตั้งอนุกรรมาธิการหลายคณะ น.ส.จิราพร ชี้แจงว่า เนื่องจากการขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์มีความเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน จึงจำเป็นต้องมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันภายใต้แผนงานเดียวกัน เพื่อลดความซ้ำซ้อน การที่มีเลขาธิการจากหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาช่วยประสานงานและร่วมดำเนินการ ถือเป็นทิศทางที่ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยให้การจัดทำงบประมาณและการขับเคลื่อนนโยบายมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เช่น การเข้าร่วมเทศกาลเมืองคานส์ ในอดีตหน่วยงานต่าง ๆ มักแยกกันดำเนินงาน แต่ในปัจจุบันได้มีการทำงานภายใต้แผนงานเดียวกัน ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจนและประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น โดยภายหลังเทศกาลเมืองคานส์ ยังมีการจัดแสดงคูหาร่วม ที่ผสมผสานการนำเสนอศิลปวัฒนธรรม อาหารไทย การท่องเที่ยว และการเจรจาธุรกิจ เช่น การขายลิขสิทธิ์ให้กับนักลงทุนต่างชาติ
ดังนั้น ข้อกล่าวหาว่าขาดแผนงานร่วมกันจึงไม่ตรงกับความเป็นจริง เนื่องจากรัฐบาลได้มีการปรับรูปแบบจากการดำเนินงานแบบแยกส่วน มาเป็นการทำงานแบบบูรณาการภายใต้ทิศทางเดียวกัน
น.ส.จิราพร กล่าวสรุปว่า การรับรู้ของประชาชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่เรื่องกางเกงช้าง ตามที่สมาชิกบางท่านอภิปราย พร้อมย้ำว่า อยากให้ท่านสมาชิก เปิดหู เปิดตา และเปิดใจ อย่าอภิปรายเพียงเพราะเป็นฝ่ายค้าน และต้องค้านทุกเรื่องซอฟต์พาวเวอร์เป็นนโยบายสำคัญภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่มุ่งเน้นการลงทุนในระยะยาว เพื่อวางรากฐานของประเทศด้วยทุนทางวัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเป็นเครื่องมือในการสร้างภาพลักษณ์และขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้กับประเทศ แม้จะยังไม่เห็นผลในทันที แต่ขณะนี้รัฐบาลได้เริ่มลงมือทำแล้ว
นอกจากนี้ น.ส.จิราพร ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า “ หากท่านสมาชิกต้องการเห็นผลงาน สามารถติดตามได้ทางเพจ THACCA ทุกช่องทาง ทุกแพลตฟอร์ม ”