“ชัยชนะ” ร้อง นายกฯ ฯ เพิ่มงบหนุนกระทรวงทรัพย กระจายอำนาจปกครองท้องถิ่น

ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วาระแรก วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท นายชัยชนะ เดชเดโช สส. นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปราย ว่า ขอเป็นตัวแทนของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท) จำนวน 7,850 ทั้งประเทศ ในการจัดทำงบประมาณปี 69 ต้องขอบคุณรัฐบาลภายใต้การนำของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้นำร่างรายจ่ายงบประมาณ 3.78 ล้านล้านบาท เข้าสู่สภา เพิ่มขึ้นจากงบประมาณปี 2568 27,000 ล้านบาท จะขออภิปรายในยุทธศาสตร์ที่ 4 ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคในสังคม จาก 7 ข้อ แต่ขออภิปรายข้อที่ 5 เรื่องการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. ซึ่งเป็นเงื่อนไขหนึ่งในการร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ 

นายชัยชนะ กล่าวว่า ขอเป็นตัวแทนของชาว อปท. เพราะเขารอคอยว่างบประมาณปี 69 จะเป็นเงินจัดสรรให้กับท้องถิ่นกี่ % และเท่าไหร่ หากดูตัวเลขในปี 68 ท้องถิ่นรับเงินทั้งหมด 859,479 ล้านบาท คิดเป็น 29.1% และเป็นเงินอุดหนุนให้กับท้องถิ่น 378,000 ร้อยละ 10.1 ของงบประมาณทั้งหมด แต่ในปีงบประมาณปี 69 เราได้รับเพิ่มขึ้นมา ตามกรอบกฎหมายต้องจัดสรรงบประมาณให้กับท้องถิ่น 35% ปีที่แล้วได้มา 29.1% ปีนี้ได้ขึ้นมา .33% งบประมาณที่ได้มาปีนี้ เป็น 29.43% 

ส่วนของเงินอุดหนุน 800,000 กว่าล้าน เป็นรายได้ที่เก็บให้อทป. 469,000 ล้านบาท เงินอุดหนุน 389,000 ล้านบาท เป็นเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรแต่ละโครงการไปให้กับองค์กรปกครองท้องถิ่น หากเป็น อบจ. ก็สามารถขอตรงได้จากสำนักงบประมาณ แต่สิ่งที่ตนอยากบอกนายกฯ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลชุดนี้ เงินอุดหนุน 389,000 ล้านบาท ที่ให้กับองค์การบริหารส่วนตำบลและเทศบาลตำบล นายกฯ ต้องตรวจสอบเพราะมีโครงการที่แฝงอยู่ในงบประมาณรายจ่าย คือ เสาไฟนวัตกรรม มีบาง อปท. ไปตั้งงบประมาณเป็นถนนและสร้างเสาไฟ ที่แล้วเคยทดลองแล้ว เมื่อทำถ้าไม่ใช่บริษัทของตัวเอง ผู้รับจ้างไม่สามารถซื้อเสาไฟจากตัวแทนจำหน่ายได้ จึงขอฝากไปถึงนายกฯ ต้องให้งบประมาณแล้วต้องควบคุมที่กรมส่งเสริมปกครองส่วนท้องถิ่น และตนจะติดตามอย่างใกล้ชิด

นายชัยชนะ เผยอีกว่า เรื่องนี้ไม่พูดไม่ได้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับงบประมาณ 38,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 929 ล้านบาท อาจจะดีใจว่ากระทรวงทรัพยฯ ได้รับงบเพิ่มขึ้น แต่พันธกิจกระทรวงทรัพยฯ มีหน้าที่ดูแลมากมายโดยเฉพาะเรื่องน้ำและน้ำบาดาล กรมทรัพยากรน้ำ ปี 69 ได้มา 9,282 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 1,700 ล้านบาท แต่ดูพันธกิจของกรมทรัพยากรน้ำ กำกับ ควบคุม อนุรักษ์ พัฒนา ฟื้นฟู จัดสรรดูแลแหล่งน้ำทั้งหมด ได้เงินมา 9,282 ล้านบาท จะแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้อย่างไร ฝากนายกรัฐมนตรีช่วยเพิ่มเงินได้หรือไม่ กรมทรัพยากรน้ำ ถ้าอยากจะให้ดูแลเรามี สทนช. กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ ของบประมาณเพิ่ม 20,000 ล้านบาท ได้หรือไม่ จะได้ดูแลประชาชนในการทำเกษตรและอุปโภคบริโภค

อีกทั้ง กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ต้องบริการประชาชนในที่ไม่มีแหล่งน้ำ ต้องนำน้ำจากธนาคารใต้ดินมาใช้ มีพันธกิจพัฒนความรู้ด้านอุทกธรณีวิทยา นวัตกรรมเทคโนโลยี ตนเคยลงพื้นที่เห็นน้ำบาดาลประปาดื่มได้เชื่อมต่อกับท้องถิ่น เป็นการบูรณาการร่วมกันของ อปท. แต่สิ่งที่น่าผิดหวังในปีงบประมาณปี 69 ได้รับงบประมาณแค่ 3,894 ล้านบาท ที่ต้องขุดเจาะบาดาลน้ำประปาดื่มได้ ต้องดูแลประชาชนทั้งหมด ตนอยากฝากไปถึงนายกรัฐมนตรีช่วยจัดสรรงบประมาณให้กับกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเพิ่ม 10,000 ล้านบาท ได้หรือไม่ พี่น้องชาวไทยต้องมีน้ำดื่ม ตรงไหนที่กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ เข้าไปไม่ถึง บาดาลต้องเข้าไปเจาะและทำประปาดื่มได้

“สิ่งที่ตนกล่าวมาคือความคาดหวังในฐานะผู้แทนชาวไทย วันนี้เราต้องเดินหน้าการกระจายอำนาจอย่างจริงจัง ดูแลพี่น้ององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างเต็มที่ เพราะเขาคือด่านแรกในการรับทราบปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน 2.เราต้องเดินหน้าบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ ทุกหน่วยงานต้องมาบูรณาการร่วมกัน ตนเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ดีต่อประชาชน ตนในฐานะ สส. เห็นด้วยกับร่างฉบับนี้ แต่สิ่งไหนที่ท้วงติงไปโปรดไปแก้ไขและปรับปรุง ในงบประมาณปี 70 สิ่งไหนที่อยู่ในเล่มงบประมาณปี 69 และส่อไปทางทุจริต ก็ต้องปรับแก้ในชั้นกรรมาธิการงบประมาณ ฝากนายกฯ ช่วยดำเนินการแก้ไขด้วย” นายชัยชนะ กล่าวทิ้งท้าย