ผู้นำฝ่ายค้านโวยรัฐบาลใช้งบขาดดุลสูงสุดรอบ 36 ปี ไร้แผนสร้างอนาคต งบ 3.78 ล้านล้านบาท กลายเป็นแค่ "งบประชาสัมพันธ์" เตือนวิกฤตไม่ใช่แค่การคลัง แต่เป็นวิกฤตศรัทธาและสถาบันรัฐ
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน อภิปรายภาพรวมการตัดงบประมาณปี 2569 ในสมัยประชุมวิสามัญ โดยวิจารณ์รัฐบาลพรรคเพื่อไทยว่า บริหารประเทศด้วยงบขาดดุลสูงใกล้แตะเพดาน ส่งผลให้ไทยต้องกู้เงินชดเชยการคลังมากที่สุดในรอบ 36 ปี แต่กลับไร้แผนการลงทุนและไม่สามารถสร้างอนาคตให้ประเทศ
เขากล่าวว่า แม้รัฐบาลขอจัดสรรงบประมาณ 3.78 ล้านล้านบาท แต่มีงบที่ใช้ได้จริงเพียง 1.06 ล้านล้านบาท ขณะเดียวกันกลับใช้วิธีการบริหารแบบกระจายภาระไปให้ท้องถิ่นคิดแทนรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่ถูกปรับเป็นงบลงทุนระยะสั้น โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เสนอคำขอภายใน 3 วัน แสดงให้เห็นถึงการขาดแผนแม่บท และเจตจำนงในการบริหารประเทศ
"รัฐบาลกระจายผลประโยชน์ให้กับกลุ่มใกล้ชิดโดยรู้ข่าวล่วงหน้า สะท้อนความไร้วิสัยทัศน์ ไม่ได้คิดยุทธศาสตร์ใหม่ แต่ยังใช้สูตรเดิม ไร้การปฏิรูป" นายณัฐพงษ์กล่าว พร้อมย้ำว่า ประเทศไทยกำลังอยู่ในจุดหัวเลี้ยวหัวต่อ เพราะต้องเผชิญทั้งสงครามการค้า การสวมสิทธิ์ สินค้าหนีภาษี และจีดีพีการผลิต-บริโภคที่ไม่สัมพันธ์กัน ทำให้การแจกเงินไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อีกต่อไป
ผู้นำฝ่ายค้านระบุว่า หากรัฐบาลยังใช้งบแบบเดิม เช่น งบเกษตรฯ เน้นเยียวยามากกว่าลงทุน งบซอฟต์พาวเวอร์กลับกลายเป็นงานอีเว้นท์ประชาสัมพันธ์ งบสิ่งแวดล้อมก็เน้นซ่อมสร้างมากกว่าการแก้ปัญหาระบบ จะทำให้ประเทศเดินหน้าลำบาก ย้ำว่าการปฏิรูประบบงบประมาณจำเป็นต้องเกิดขึ้นเพื่อให้เงินแผ่นดินและเงินในรัฐวิสาหกิจที่มีอยู่ราว 7-8 ล้านล้านบาทต่อปี สอดคล้องและหนุนเสริมกัน ไม่ใช่แยกส่วนเหมือนปัจจุบัน
นายณัฐพงษ์เตือนว่า นายกรัฐมนตรีต้องตระหนักว่าหน้าที่ของผู้นำรัฐบาลคือตรวจสอบและกำหนดทิศทางการใช้งบประมาณ ไม่ใช่ปล่อยให้ระบบราชการเดินสะเปะสะปะโดยไม่มีเป้าหมาย ชี้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ใช่วิกฤตการคลัง แต่เป็นวิกฤตทางการเมืองและสถาบันรัฐ ที่ทำให้ประชาชนหมดความเชื่อมั่น
"วันนี้ไทยไม่ใช่รัฐล้มเหลวโดยสมบูรณ์ แต่ความเชื่อมั่นของประชาชนล้มเหลวไปแล้ว" นายณัฐพงษ์กล่าวสรุป