"นันทนา" ขอโทษประชาชนรวบรวมชื่อถอดถอน สว.ไม่สำเร็จ งัดแผนสองชงญัตติด่วนชะลอโหวตองค์กรอิสระ มองต้นตอปัญหาอยู่ที่รัฐธรรมนูญเปิดช่องฮั้วมโหฬารใช้เงินมหาศาล ขณะที่ "วิปวุฒิสภา" ไฟเขียวบรรจุญัตติแล้ว
นางสาวนันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา (สว.) แถลงความคืบหน้าการเสนอรายชื่อ ขอให้ประธานวุฒิสภายื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ สว.หยุดปฏิบัติหน้าที่แต่งตั้งบุคคลดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระต่าง จนกว่าคดีฮั้วการเลือก สว.จะเสร็จสิ้น
นางสาวนันทนา ยกมือขอโทษประชาชนทุกคนที่ไม่สามารถผลักดันภารกิจที่ตั้งใจจะให้สำเร็จ และบรรลุเป้าหมายได้ เนื่องจากมี สว.ร่วมลงชื่อไม่ครบจำนวน 20 คน ดูเผิน ๆ เหมือนจะง่าย เนื่องจาก สว.มี 200 คน เราขอแค่ 10% น่าจะเป็นไปได้ ต้องเข้าใจก่อนว่า สว.จำนวนเต็มมี 200 คน แต่ สว.อิสระมีจำนวน 40-50 คน เราจึงต้องการจำนวน 50% ถึงจะครบ 20 เสียง ซึ่งเป็นจำนวนมาก คำร้องของเราเป็นคำร้องเพื่อถอดถอน สว.ที่ถูก กกต. และ DSI ตั้งข้อกล่าวหา ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่เป็นคำร้องที่เป็นยาแรงส่งผลกระทบต่อ สว.ที่มาลงชื่อได้ หากมีการยื่นคำร้องตอบโต้เอาคืน เพราะ 20 เสียงของกลุ่มสีน้ำเงินย่อมหาได้ง่ายชั่วพริบตา ตรงกันข้ามกับกลุ่ม สว.อิสระที่มีจำนวน “น้อย น้อย น้อย”
ภารกิจนี้ไม่สำเร็จ จึงขอประกาศยุติการล่าชื่อตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป อย่างไรก็ตามศาสตราจารย์พิเศษ จรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้ให้ข้อเสนอแนะว่า การลงมติเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ กฎหมายไม่ได้เขียนไว้ เป็นประเด็นละเอียดอ่อนกว่ากฎหมาย ไม่เช่นนั้นสิ่งที่คิดว่าไม่มีปัญหาก็จะมีปัญหาใหญ่ได้
เมื่อเราตรวจสอบเขาคนตรวจสอบต้องมีมาตรฐานจริยธรรม เพราะฉะนั้นในความเห็นของศาสตราจารย์พิเศษ จรัญ เพื่อความรอบคอบเห็นว่าควรเลื่อนภารกิจนี้ไปก่อน เพราะคนในองค์กรอิสระยังทำงานได้อยู่ ไม่ได้มีเหตุ ถ้าไม่ผ่านภายในวันนี้เดือนนี้จะเกิดสุญญากาศขึ้น จากคำแนะนำของศาสตราจารย์ จรัญ จึงขอส่งเสียงไปยัง สว.เสียงข้างมากให้ตระหนักถึงเรื่องจริยธรรมและข้อกฎหมาย ท่านควรจะมีจริยธรรมโดยชะลอการลงมติเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช.จำนวน 3 คน ในวันที่ 30 พ.ค.นี้
นอกจากนี้ในวันดังกล่าวยังมีวาระแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบผู้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 2 คน กกต. 1 คน อัยการสูงสุด 1 คน รวม 7 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นประโยชน์ทับซ้อนที่รุนแรง เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่กฎหมายใดก็ตามไม่ถึง เพราะในรอบ 93 ปีของระบอบประชาธิปไตย ยังไม่เคยมีสภาฯ ชุดไหนที่ สว.ถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่าเข้ามาโดยไม่ชอบเกินกว่าครึ่งหนึ่งของสภาฯ จึงต้องอาศัยจิตสำนึกและจริยธรรมของผู้ที่ทำหน้าที่
นางสาวนันทนา มองว่าการเปิดประชุมสมัยวิสามัญนี้ สอดไส้เห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระอย่างมีพิรุธ ในเฉพาะหน้าจะมีการเสนอแผน 2 ยับยั้งไม่ให้บรรดา สว.เสียงข้างมากลงมติด้วยการยื่นญัตติด่วนด้วยวาจา ขอให้วุฒิสภาชะลอการลงมติในการเห็นชอบเกี่ยวกับองค์กรอิสระทั้งหมด
ขณะที่แผนระยะยาวจะเสนอให้มีการแก้ข้อบังคับการประชุมสภาฯ ให้กระบวนการเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระ เป็นการกระทำที่โปร่งใส มีการเปิดเผยประวัติความเป็นมาทั้งที่เป็นด้านดี ด้านลบ คุณสมบัติ วิสัยทัศน์ให้ครบถ้วน เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบไม่ใช่ปิดเป็นเรื่องลับ ทำกันมุบมิบจนเป็นระบบพวกพ้องและถูกวิพากษ์วิจารณ์
ปัญหาทั้งหมดเกิดขึ้นจากรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่มีข้อบกพร่องมากมาย รั่วทุกจุดอย่างเห็นได้ชัดเจน ปิดช่องให้ถอดถอนบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ใส่กล่องดวงใจไว้ที่องค์กรอิสระให้มีอำนาจกว้างกว่า สามารถพิพากษาวินิจฉัยตัดสินคดีต่าง ๆ ตรวจสอบผู้มาดำรงตำแหน่งได้โดยผูกพันทุกองค์กร เปิดช่องให้ผู้ดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระถูกคัดเลือกโดย สว.ที่มาจากกระบวนการคัดเลือกกันเอง เป็นความไม่ชอบธรรมและรูรั่วของระบบ เราจึงต้องแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เพื่ออุดช่องว่างในกระบวนการได้มาซึ่ง สว.ที่เปิดโอกาสให้มีการฮั้วกันมโหฬาร ใช้เงินมหาศาลเช่นนี้
วิปวุฒิสภายอมบรรจุญัตติ ของกลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่แล้ว
นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. ฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการรวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมวิปวุฒิสภา ว่า วิปวุฒิสภาได้อนุมัติญญัตติที่นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สว. ที่เสนอให้ที่ประชุมวุฒิสภาชะลอการพิจารณาวาระที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเห็นชอบกรรมการองค์กรอิสระออกไป ทั้งนี้จะบรรจุวาระในวันที่ 29 พ.ค. หรือ 30 พ.ค. นั้น ขณะนี้ยังรอให้นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภาพิจารณา ทั้งนี้การวางลำดับต้องอยู่ก่อนวาระที่จะพิจารณาในกระบวนการตั้งกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบประวัติและการลงมติเห็นชอบองค์กรอิสระที่บรรจุในระเบียบวาระ
“วิปวุฒิสภาบรรจุให้แน่นอน และต้องใช้การลงมติชี้ขาดว่าจะให้ชะลอหรือไม่ หากที่ประชุมมีมติให้ชะลอ ทุกอย่างต้องชะลอออกไป ส่วนการอภิปรายนั้นจะไม่ได้จำกัดเวลา และเปิดโอกาสให้เต็มที่” นายพิสิษฐ์ กล่าว
เมื่อถามว่าวิปวุฒิสภาได้พิจารณาในแง่กฎหมายถึงความเป็นไปได้จะชะลอกระบวนการได้หรือไม่ นายพิสิษฐ์ กล่าวว่าตามความเห็นส่วนตัว สว.ทำตามขั้นตอนกฎหมายทุกประการ โดยข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา ข้อ 105 กำหนดกรอบระยะเวลาที่คณะกรรมการสรรหาส่งมาให้ สว. พิจารณาตรวจสอบจริยธรรมขอองค์กรอิสะต่างๆ ในระยะเวลา 60 วัน และ ขยายเวลาได้ 30 วันเท่านั้น จึงไม่สามารถชะลอไปไม่มากกว่านี้ได้
“ที่หลายฝ่ายที่จะอ้างว่า การชะลอออกไปเพื่อแสดงสปิริตนั้น ผมขอย้อนไปถามว่าเข้าใจกฎหมายและข้อบังคับมากน้อยแค่ไหน และตามหลักแล้ว สว.ที่แม้เป็นผู้ถูกกล่าวหา แต่ในมาตรา129วรรคสองของรัฐธรรมนูญ ระบุว่าหากไม่ได้ถูกตัดสินหรือหยุดปฏิบัติหน้าที่ สว.ยังมีอำนาจเต็ม และกฎหมายเปิดช่องไว้ให้ไว้ด้วยว่าต่อให้วันนี้มีการโหวตรับรององค์กรอิสระต่างๆ แล้วพรุ่งนี้ สว.ถูกตัดสินให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ยังถือว่าการกระทำของสว.นั้นเป็นการกระทำโดยชอบของกฎหมาย” นายพิสิษฐ์ กล่าว
เมื่อถามว่าหากขยับการพิจารณาเรื่ององค์กรอิสระออกไปในช่วงสมัยสามัญจะเกินกรอบเวลาหรือไม่ นายพิสิษฐ์ กล่าวว่า หากจะรอไปเปิดสมัยประชุมต้องอยู่ในกรอบเวลาที่ทำได้ แต่เมื่อมีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ ที่สามารถพิจารณาได้ และสิ่งที่ทำนั้นไม่ได้เร่งรีบเพราะเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับ หากเลื่อนออกไป ไม่ถือว่าเกินเวลา แต่เมื่อเปิดวิสามัญอยู่แล้ว จะทำให้ไม่ต้องเสียงบประมาณ และอยู่ในกรอบกฎหมายด้วย
เมื่อถามว่าวิปวุฒิสภา หารือต่อประเด็นที่มีมวลชนกดดันอย่างไรบ้าง โฆษกวิปวุฒิสภา กล่าวว่า ตนขอถามเครือข่ายด้วยว่าเข้าใจกฎหมายถ่องแท้แค่ไหน หากเราต้องการให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย อย่าใช้กฎหมู่มากดดัน ควรทำตามหน้าที่ และขอฝากกับสื่อมวลชนด้วยว่า ที่มีสว.บางคนกล่าวหาพวกเราว่า ที่ถูกเรียกตัวไปสอบ ถือว่าไม่ชอบธรรมที่จะทำหน้าที่นั้น ตนไม่โต้เถียง แต่อยากสะท้อนมุมมองว่า การเลือกกรรมการองค์กรอิสระที่ไม่รู้ว่าจะถูกรับรองทั้งหมดหรือไม่ แต่ไปกล่าวหาว่าคนเหล่านั้นจะทำเรื่องที่ไม่สุจริตในอนาคต เพราะจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนเนื่องจากสว.ปัจจุบันเป็นคนโหวต ถือว่าไม่เป็นธรรม ไม่เป็นประโยชน์ต่อคนที่ถูกคัเลือกและกรรมการที่สรรหาเข้ามา เป็นประเด็นที่ตนรับไม่ได้.