“สุชาติ”เผยเตรียมนัดส.ส.ในกลุ่มคุย 28-29 พ.ค. อุบอนาคตทางการเมืองศึกเลือกตั้งครั้งหน้า รับภาคตะวันหลายพรรคหวังช่วงชิง

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช. พาณิชย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เผย กรณีภาคตะวันออกกลายเป็นพื้นที่หลายพรรคการเมืองให้ความสนใจว่า พื้นที่ภาคตะวันออกถือเป็นตัวชี้วัดในการช่วงชิงกันในการเลือกตั้งทุกครั้ง ซึ่งการเลือกตั้งที่ผ่านมาก็ต้องยอมรับว่าในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลเราทำผลงานได้ไม่ค่อยดี ซึ่งความจริงก็มีหลายปัจจัย ส่วนหนึ่งเราก็มีการแข่งขันกันเองด้วย จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบางส่วน แต่เราเชื่อว่าเลือกตั้งครั้งหน้าเราสามารถทำได้ เพราะว่าที่ผ่านมามันทำให้เราได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่าง จุดอ่อน จุดแข็ง ของแต่ละพื้นที่คืออะไร

เมื่อถามว่า จะทำให้กลุ่มของท่านเป็นที่หมายตาของแต่ละพรรคหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า จริง ๆ แล้วตนก็อยู่พื้นที่ภาคตะวันออกมานาน และยังคุ้นเคยภาคตะวันตกและภาคกลางด้วย ซึ่งก็มีเพื่อนมีกัลยาณมิตรที่ดีหลายจังหวัด แต่ว่าในพื้นที่ภาคตะวันออกเป็นพื้นที่ที่เราสามารถช่วงชิงได้ เพราะฉะนั้นตนเป็นคนภาคตะวันออกก็ต้องรักษาพื้นที่ให้ได้มากขึ้นในครั้งหน้า เพื่อให้ได้ส.ส.มากขึ้น

เมื่อถามว่า แสดงว่าได้มีการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งข้างหน้าแล้วใช่หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า เราดูการเลือกตั้งตั้งแต่ อบจ. เทศบาล และจะมีการเลือกตั้ง อบต. อีก จะเห็นว่าที่ผ่านมาพรรคการเมืองที่ได้ผู้แทนราษฎรเยอะ ๆ พรรคการเมืองหนึ่งในปี 2566 ซึ่งเท่าที่ดูเสียงชาวบ้านเขาก็พอเข้าใจแล้วว่า ที่ผ่านมาประชาชนเลือกเพราะอะไร และต่อไปจะต้องเลือกอะไร ทั้งนี้การทำงานของเราก็จะต้องหาแนวร่วมจากชาวบ้านและผู้นำท้องถิ่นในทุกพื้นที่

เมื่อถามว่า มีต่างพรรคมาจีบบ้างหรือยัง นายสุชาติ กล่าวว่า ตามที่มีข่าวออกมาเราก็มีความสนิทสนมกับหลายคนและหลายพรรครัฐบาลเราก็สนิทสนมกัน แต่ถ้าถามว่าจีบหรือไม่ก็ต้องบอกว่าทุกคนมีพื้นที่ของตัวเอง เพราะฉะนั้นเราต้องต่างคนต่างทำพื้นที่ก่อน ยังมีเวลาอีกเกือบ 2 ปีถึงจะมีการเลือกตั้ง การทำการเมืองไม่ใช่ว่าจะทำกันได้ใน 3 เดือน 6 เดือน ต้องทำกันเป็นปี ๆ

เมื่อถามว่า ตอนนี้พรรคกล้าธรรม(กธ.)มีการเคลื่อนไหวแล้วมีการเข้ามาพูดคุยอะไรหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าโดยส่วนตัวก็มีความเคารพกับร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกธ.อยู่แล้วตั้งแต่ปี 2562 แล้วเป็นผู้แทนด้วยกัน แต่ในทางการเมืองเราเคารพการตัดสินใจซึ่งกันและกัน อย่างที่ ร.อ. ธรรมนัส ให้สัมภาษณ์ก็ถูก หรือกรณีของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย(ภท.) เป็นเพื่อนเป็นพี่กัน รู้จักกันก่อนมาเป็นผู้แทนอีก ความเป็นนักการเมืองความสัมพันธ์มันมากกว่าการเป็นนักการเมืองอีก เป็นพี่เป็นน้องกันมากกว่า เมื่อถามว่า จะรับพรรคกธ.ไว้พิจารณาหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ตรงนี้ตนไม่ได้อยู่คนเดียว ตนมีเพื่อนมีฝูงหลากหลาย อย่างภาคตะวันตก ราชบุรี เพชรบุรี ราชบุรี ภาคกลางก็เช่นกัน ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี หรือแม้แต่ภาคใต้ซึ่งเราก็ต้องหารือกับเพื่อนเราด้วยว่า เราจะอยู่กันอย่างไร วันนี้เราอยู่พรรครทสช.เราคงไปพูดชัดเจนอย่างนั้นไม่ได้

เมื่อถามว่า ระหว่างพรรคกธ.และพรรคภท.พรรคไหนจะทำให้เราทำงานได้ง่ายกว่า นายสุชาติ กล่าวว่า ตนคิดว่าวันนี้การเมืองหลัก ๆ อยู่ที่พื้นที่ ความเข้มแข็งของตัวบุคคล ไม่ได้มองว่าพรรคการเมืองจะทำให้พื้นที่ทำงานนั้นทำงานยากหรือง่าย เราเชื่อว่าตัวบุคคลสำคัญที่สุด เมื่อถามว่า พรรคที่อยู่ปัจจุบันนี้มีอะไรที่จะมายึดเหนี่ยวใจอยู่หรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราร่วมต่อสู้กันในอุดมการณ์ทางการเมืองด้วยกัน แต่กาลเวลามันก็ไปเรื่อย ๆ ก็ต้องดูว่าอนาคตพรรคเราจะเป็นอย่างไร และเราต้องถามความคิดเห็นของเพื่อน ๆ กลุ่มเราด้วย เพราะตอนที่เรามาเราก็ชักชวนเพื่อน ๆ ย้ายจากพรรคอื่นมาอยู่ด้วยกันเป็นสิบ ๆ คน ชวนมาทำการเมืองด้วยกัน ดังนั้น การตัดสินใจจะตัดสินใจคนเดียวไม่ได้ ต้องฟังเพื่อน ๆ ด้วย แต่ขอให้มั่นใจว่า เราทำงานการเมืองสนับสนุนรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีซึ่งเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล จากพรรคไหนก็แล้วแต่ทั้งพรรคภท.หรือพรรคกธ.ก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ทำงานเพื่อประเทศชาติด้วยกัน มีเป้าหมายเดียวกันคือยึดประโยชน์ประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก เราก็ทำงานร่วมกันได้ทุกคน

เมื่อถามว่า ถ้าแนวทางพรรคไหนยังไม่ถูกใจกลุ่ม ก็พร้อมที่จะออกหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า การเมืองเป็นเรื่องอนาคต เราต้องยอมรับว่า เราพูดไปก่อนไม่ได้ เดี๋ยวจะเป็นการมัดตัวเอง ยังรับปากอะไรไม่ได้ ต้องหารือก่อน เดี๋ยววันที่ 28-29 พ.ค. จะนัดเพื่อน ๆ ในกลุ่มกินข้าวประมาณ 20 คน พูดคุยกันหน่อยว่า ที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง ท้องถิ่นของแต่ละคนเป็นอย่างไร และช่วงนี้ปิดสมัยประชุมสภาด้วย หลายคนก็อยากอัปเดตการเมืองกับตนด้วย ว่าการเมืองจะเดินไปแนวไหนอย่างไร จริง ๆ เราคิดหลักอย่างเดียวว่าเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ พรรคร่วมรัฐบาลเราก็ทำงานรับใช้รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีอย่างเต็มที่