“นิกร” ชี้ รัฐธรรมนูญ 60 ทำ “ การเมืองป่วน ”

“นิกร” ชี้ รัฐธรรมนูญ 60 ทำ “ การเมืองป่วน ”
“นิกร” เสนอร่าง พ.ร.บ.ประชามติเพื่อไทย ควรรวมเป็นร่างพรรคร่วม ชี้ ยังมีโอกาสเดินต่อทันเห็นหน้า สสร. บอกยังฝืนต่อยังไงก็ไม่ทันสภาชุดนี้ ชี้ รัฐธรรมนูญ 60 คือเนื้อในปัญหาการเมืองปัจจุบัน

นายนิกร จำนง อดีตเลขานุการคณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ แถลงข่าวความคืบหน้าการแก้ไขร่างดังกล่าว ว่า หลังจากที่ถูกยับยั้งไว้ 180 วัน จะครบในวันที่ 15 มิถุนายน เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งเดือน แต่ยังทำอะไรไม่ได้เพราะอยู่ในช่วงปิดสมัยการประชุม เมื่อเปิดสมัยประชุมเดือนกรกฎาคม จะต้องการประชุมในโอกาสแรก หากยืนยันแล้วกฎหมายจะถูกทูลเกล้าฯ รอไว้ 5 วัน ตามระบบกฏหมาย ส่วนตัวประเมินว่า เดือนกันยายนหรือตุลาคมกฎหมายน่าจะประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในการยืนยันร่าง สส. กกต. จะต้องยกร่างกฎหมายประกอบคือระเบียบต่างๆ ต้องเตรียมในครั้งนี้ไม่งั้นจะช้าไปอีก ต้องทำคู่ขนาน 

ส่วนหลักการการทำกฏหมายประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ มีความเกี่ยวพันกับการยื่นแก้ไข 256 ในตอนนี้ยังไม่สามารถพิจารณาได้ จึงมีมติส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งศาลก็รับแล้ว และเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ศาลได้ขอข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งร่างของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ใช้เวลา 1 เดือน ดังนั้นจะต้องมีการเร่งรัดให้วินิจฉัยเร็วขึ้น คงเกินเวลาที่สภาเปิดสมัยประชุม

สำหรับความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นตามกระบวนการนั้น หากไม่ได้กังวลคำวินิจฉัยของศาลที่วินิจฉัยว่า รัฐสภาสามารถพิจารณาเพิ่มเติมได้คือทำ 2 ครั้ง ขณะนี้เรามีร่างค้างอยู่ 2 ร่าง คือ ร่างของพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย ส่วนตัวเชื่อว่าสองร่างนี้หากทำ 2 ครั้ง ไม่ผ่าน เพราะเนื้อในร่างของพรรคประชาชน เกี่ยวข้องกับหมวดพระมหากษัตริย์ ไม่สามารถผ่านได้ และมีประเด็นเรื่องการเห็นร่างเพียงเสียงเกินกึ่งหนึ่ง วุฒิสภา จะต้องมีเสียงหนึ่งในสาม แต่มาตรา 256 ถอดอำนาจวุฒิสภาออก ทำให้ลดระดับเป็นกฎหมายธรรมดา ใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่งของทั้งสองสภา ก็ไม่ผ่านการพิจารณาเช่นกัน เพราะจากกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายธรรมดา ตนไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ “เชื่อว่าทำสองครั้งแล้ว ได้ทั้งสองร่างก็จะไม่ผ่าน” 

“อาจจะต้องถอนปรับปรุง 2 ร่าง ซึ่งร่างของรัฐบาลควรจะเป็นของพรรคร่วมรัฐบาล นำมาปรับปรุงแก้ไขใหม่ให้เห็นพ่องกัน หากพิจารณาผ่านจะทันในการตั้ง สสร. ในรัฐสภาชุดนี้ หากรัฐบาลยึดถือประกาศเป็นนโยบายแล้ว ในนามพรรคร่วมรัฐบาลจะได้ช่วยสนับสนุน”

ส่วนกรณีที่ 2 ที่มีความเป็นไปได้มากกว่า คือ ศาลรัฐธรรมนูญกำลังเชิญบุคคลในปี 64 ทั้ง 4 คน ส่วนตัวมองว่าต้องกลับไปทำประชามติก่อน ทั้งสองร่างในสภาตอนนี้จะต้องถอนออกโดยอัตโนมัติ เพราะไม่สามารถบรรจุได้ และมารวมเป็นร่างใหม่ของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งสามารถทำให้มี สสร. ได้ในสภาชุดนี้ หากถ้าไม่ผ่านก็จะจบ ไม่มีทางได้เห็น ส่วนตัวเชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้จะไม่มีทางเห็นหน้า สสร.

ส่วนเรื่องกฎหมายประชามติหรือรัฐธรรมนูญมีความซับซ้อน มีความเป็นไปได้ซ่อนอยู่หากต้องการทำให้สำเร็จ ต้องเดินหน้า ไม่อย่างนั้นจะตกหลุมตกร่องและมีปัญหา ต้องเริ่มใหม่หลังเลือกตั้ง

เมื่อถามว่า ตอนนี้สถานการณ์ทางการเมืองค่อนข้างตึงเครียด อาจจะดูแลถึงขั้นยุบสภา กฎหมายประชามติจะเป็นอย่างไร นายนิกร เผยว่า การเมืองทุกอย่างเกิดขึ้นได้ ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เรื่องกฎหมายประชามติเหลือเวลาอีกเพียงเดือนเดียว ต้องเดินหน้า ไปมองอุปสรรคและหยุดไม่ได้ มองให้เป็นบวกไว้ก่อน ยืนยันว่าเป็นเรื่องที่น่าห่วงแต่งานในมือต้องเดินหน้าต่อไป เพราะมีความคาบเกี่ยวกัน 

ส่วนกฎหมายประชามติ หากสำเร็จแล้วรัฐบาลจะเดินหน้าได้เลยหรือต้องพิจารณาอย่างไรต่อ นายนิกร ระบุว่า รัฐบาลชี้ว่าเป็นกฎหมายของสภา ถ้าทำ 2 ครั้ง ไม่ต้องผ่าน ครม. พิจารณาได้เลย ตนได้สะท้อนว่าควรดึงกลับมาปรับโดยเฉพาะร่างของพรรคเพื่อไทย ถ้าเป็นแบบนี้ยังไงก็ไม่ผ่าน ตนไม่ใช่จระเข้ขวางคลอง แต่ด้วยเนื้อใน เนื่องจากเป็นนโยบายของรัฐบาล ถ้าจะให้ผ่านต้องปรับใหม่ สภาสมัยหน้าที่จะเปิดในเดือนกรกฎาคมก็จะทำไม่ได้ ยื่นซ้ำไม่ได้ก็ต้องรอไปเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของสภา เวลาเราน้อยลง ควรจะปรับปรุงร่างและเอามาคุยในพรรคร่วมรัฐบาล เอามาจูนกัน พรรคไหนไม่เห็นด้วยก็ว่ามา เพราะว่าเป็นนโยบายร่วมของรัฐบาล นี่คือเรื่องจะทำให้พรรคร่วมมีความสามัคคีกัน

“ตอนนี้เรายืนอยู่ตรงขอบของเวลา ต้องเอาใจใส่กันเยอะ พลาดไปไม่มีโอกาสแล้ว ต้องไปรอเลือกตั้งครั้งหน้า นับหนึ่งกันใหม่ แต่วันนี้เรามากันเยอะแล้ว เราจะต้องระวังเพราะมีหลุมตลอดทาง ร่างที่ถูกตัดออกไปก็ต้องนำประชุมในอีกสมัยหนึ่ง และถ้าร่างนี้ไปต่อไม่ได้” นายนิกร กล่าวทิ้งท้าย 

TAGS: #นิกรจำนง #แก้รัฐธรรมนูญ #รัฐธรรมนูญ60 #ข่าวการเมือง