"เพื่อไทย" กางไทม์ไลน์ ยันเดินหน้าแก้ รธน. ม.256 ปลดล็อกตั้ง "สสร." ร่างรธน.ฉบับประชาชน

"พรรคเพื่อไทย" กางไทม์ไลน์ ยันยังเดินหน้าแก้ รธน. มาตรา 256 ปลดล็อกตั้ง "สสร." ร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน

เพจเฟซบุ๊ก "พรรคเพื่อไทย" โพสต์ข้อความระบุว่า "เพื่อไทย" ยังเดินหน้าแก้ รธน. มาตรา 256 เปิดทางร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน 

พรรคเพื่อไทยมีจุดยืนที่ชัดเจนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เสมอมาตั้งแต่ยังเป็นพรรคฝ่ายค้าน โดยมีแนวทางคือการเดินหน้าแก้ไขมาตรา 256 ที่เกี่ยวกับหลักเกณฑ์วิธีการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเป็นการปลดล็อกให้มีการจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประชาชนได้

ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยได้ประกาศนโยบายแก้รัฐธรรมนูญ และจัดทำรัฐธรรมนูญของประชาชน

ณ วันนี้ เราจึงขอยืนยันแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้วยรายละเอียดและหลักการเดิมตามที่เคยเสนอมาโดยตลอด

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2563 พรรคเพื่อไทยมีมติเอกฉันท์ในการดำเนินการยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 เพื่อจัดตั้ง ส.ส.ร. จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยยกเว้นการแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2

ในวันที่ 17 สิงหาคม 2563 จึงได้ยื่นญัตติต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร และในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2563 ที่ประชุมร่วมของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา พิจารณาญัตติร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 7 ฉบับ รวมถึงร่างแก้ไขมาตรา 256 ของพรรคเพื่อไทย ผลปรากฏว่าผ่านวาระแรก จึงเริ่มพิจารณาวาระที่สอง

ทว่า ในระหว่างการพิจารณาวาระที่ 2 วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564 สมาชิกรัฐสภาได้ยื่นญัตติด่วนต่อรัฐสภา เพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่า รัฐสภามีอำนาจในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ โดยที่ประชุมร่วมมีมติเห็นชอบ

จากนั้น ในวันที่ 11 มีนาคม 2564 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยที่ 4/2564 ว่ารัฐสภามีอำนาจ แต่ต้องทำประชามติถามประชาชนก่อนว่าจะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเมื่อจัดทำร่างเสร็จ ต้องทำประชามติถามประชาชนอีกครั้งหนึ่ง

ในเวลานั้น ร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวกำลังเข้าสู่การพิจารณาในวาระที่ 3 ซึ่งเป็นวาระการพิจารณาเห็นชอบแล้ว เมื่อมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว จึงมีความเห็นที่ไม่ตรงกันระหว่างสมาชิกรัฐสภา แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะเห็นว่าคำวินิจฉัยดังกล่าวเปิดให้สามารถทำประชามติหลังจากรัฐสภาผ่านร่างแก้ไขในวาระที่ 3 สมาชิกรัฐสภาจำนวนมากเห็นว่าไม่มีอำนาจในการลงมติ จึงมีมติไม่เห็นชอบหรืองดออกเสียง ทำให้ร่างดังกล่าวจึงถูกปัดตกไปในวันที่ 17 มีนาคม 2564

ในวันที่ 16 มิถุนายน 2564 พรรคเพื่อไทยได้ยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยหลักการและแนวทางเดิมอีกครั้ง แต่ถูกปัดตกโดยประธานสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 18 มิถุนายน 2564 โดยอ้างคำวินิจฉัยดังกล่าว

จากนั้น ได้มีการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนพฤษภาคม 2566 ได้รัฐบาลใหม่และนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลคือการมีร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่เนื่องจากประเด็นดังกล่าวยังมีความเห็นแตกต่างอย่างมากในสังคม ดังนั้น เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566  นายกรัฐมนตรีจึงได้ ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อฟังความเห็นจากภาคการเมือง พรรคการเมือง และภาคประชาชนให้ครบถ้วนเสียก่อน  และถัดจากนั้น วันที่ 25 ธันวาคม 2566  คณะกรรมการประชามติฯ ได้ข้อสรุปการทำคำถามประชามติ ใจความว่า ท่านจะเห็นชอบหรือไม่ให้มีการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยไม่แก้ไขหมวด 1 บททั่วไป หมวด 2 พระมหากษัตริย์ 

จากนั้น วันที่ 16 มกราคม 67 พรรคเพื่อไทย เสนอญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติม ม.256 เพื่อลดการทำประชามติให้เหลือเพียง 2 ครั้ง  แต่ต่อมาวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 67 ประธานรัฐสภาไม่บรรจุร่างแก้ไข รธน. เข้าสู่วาระประชุม  จากนั้น 29 มีนาคม 67 นายชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.บัญชีรายชื่อขณะนั้นเสนอญัตติให้ไปถามศาลรัฐธรรมนูญ โดยที่ประชุมรัฐสภามีมติส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้วินิจฉัยว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย สสร. รัฐสภาจะลงมติพิจารณาแก้ไขได้เลยหรือต้องทำประชามติก่อนในวันที่ 29 มีนาคม 2567  แต่ในที่สุด ศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีมติตอบกลับมาวันที่ 17 เมษายน 2567 ไม่รับคำร้องดังกล่าวไว้พิจารณา   

ปลายเดือนสิงหาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่ง รัฐสภาได้เห็นชอบให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร แถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ว่ารัฐบาลจะเร่งจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นโดยเร็วที่สุด โดยยึดโยงกับประชาชนและหลักการของประชาธิปไตย 

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมว.ประจำสำนักนายกฯ และ รองหัวหน้าพรรค ให้สัมภาษณ์เมื่อ 25 พฤศจิกายน 2567 ยืนยันเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ  โดยกล่าวว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับอาจจะไม่ทันในช่วงเวลารัฐบาลนี้ แต่จะเสนอแก้รายมาตรา ให้ตั้ง สสร. ให้ได้ก่อน ลดการทำประชามติจาก 3 ครั้งเหลือ 2 ครั้ง  

จากนั้นในวันที่ 8 มกราคม 2568 พรรคเพื่อไทย เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 อีกครั้ง โดยประธานรัฐสภาบรรจุไว้ในระเบียบวาระประชุมรัฐสภาวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรานี้ ก็เพื่อเป็นการเปิดทางรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตั้ง สสร. เพื่อทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญให้ได้สำเร็จต่อในอนาคต 

[เส้นทาง ‘เพื่อไทย’ เพื่อกติกาประชาธิปไตย] 

TAGS: #เพื่อไทย #พรรคเพื่อไทย #สสร #แก้รธน #แก้รัฐธรรมนูญ #ประชาธิปไตย