โดย...สมาน สุดโต
พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี๊ ณ ระนอง ) เกิดที่จังหวัดระนองเมื่อ 8 เมษายน 2400 ในสมัยรัชกาลที่ 5 คุ้นเคย กับสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพดี และเป็นสามัญชนคนเดียว ที่รัฐบาลสมัยต่อมาต้องสร้างอนุสาวรีย์เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีของท่าน เพราะผลงานการปกครอง การพัฒนาทางสังคมและเศรษฐิจเมืองโดยใช้ทุนน้อยแต่ได้ประโยชน์สูง
ทุกคนสมัยนี้ต้องรู้จักยางพาราดี เป็นพระยารัษฎาฯ คนนี้ที่นำยางต้นแรกมาปลูกในจังหวัดระนองเมื่อ พ.ศ.2444
ปัจจุบันยางเป็นต้นไม้เศรฐกิจที่ปลูกนับล้านไร่ทั่วประเทศ สร้างรายได้แก่ประชาชนและประเทศชาติในลำดับต้นๆ
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เล่าเรื่อง พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี ในหนังสือ สาส์นสมเด็จเล่มที่ 7 ว่าด้วยเรื่องเมืองตะกั่วป่าว่า เมื่อรุ่นหนุ่ม พระดำรงสุจริต (คอซูเจี้ยง ณ ระนอง) บิดาส่งคอซิมบี๊ไปศึกษาที่เมืองเอ้หมึง ประเทศจีน เมื่อกลับมา บิดาถึงแก่กรรม พี่ๆ จึงนำคอซิมบี๊มาถวายตัวรับราชการกับสมเด็จกรมพระยาดำรงฯ และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ เป็นพระบริรักษ์โลหะวิสัย ให้เป็นผู้ช่วยเจ้าเมืองระนอง
ต่อมาเลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นพระอัษฎงคตทิศรักษา เจ้าเมืองตะกั่วป่า
พระอัษฎงคตทิศรักษา (คอซิมบี๊บ)สร้างเมืองใหม่ โดยสร้างถนน ย้ายเมืองไปตั้งที่เรือใหญ่เข้าออกได้เพื่อสะดวกในการค้าขาย ทำให้บ้านเมืองเจริญขึ้นมากเมื่อสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5 ทอดพระเนตรเห็น ทรงประทับใจ ทรงดำริให้ไปเป็นเจ้าเมืองตรัง ที่เป็นเมืองใหญ่แต่รกรุงรัง โจรผู้ร้ายชุกชุม
เมื่อตกลงจึงทรงตั้งให้เป็นพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี เจ้าเมืองตรัง
เมื่อรับงานใหญ่แต่ไม่มีทุน พระยารัษฎาฯ จึงขอพระราชทานยืมเงินหลวง 50,000 บาทแล้วจะทะยอยส่งคืนทีหลัง สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงพระราชทานอนุญาต ต่อมาพระยารัษฎาฯส่งเงินที่ยืมมา 50,000 บาทจนครบ
เรื่องนี้สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เล่าว่า พระยารัษฎาฯ ลงทุนน้อย แต่ได้ประโยชน์สูงสุด ประชาชนมีความสุข มีงานทำ เพราะนำวิธีการพัฒนา แบบฝรั่ง และจีนมาใช้
เรื่องที่ท่านสร้างงาน สร้างเงินให้ชาวบ้านแบบง่ายๆ โดยบอกไปยังผู้นำหมู่บ้านว่า พระยารัษฎาฯ ชอบกินไข่ไก่ ให้ชาวบ้านเลี้ยงไก่ตัวผู้ 1 ตัวเมีย 4 ตัวจะได้ออกไข่ เรียกเมื่อไรก็ได้เมื่อนั้น
พระยารัษฎาฯ เรียกหาไข่ไก่พอเป็นพิธีแล้วให้ขายไข่ไก่ แต่ละบ้านจึงมีเงินขึ้นมา
ต่อมาพระยารัษฎาบอกว่าไข่ไก่มีเยอะแล้วอยากจะให้เพาะ เป็นตัวบ้าง ปรากฏว่าชาวบ้านก็เพาะเลี้ยงไก่กันเกือบทุกบ้าน
ในการนี้พระยารัษฎา ฯ ติดต่อพ่อค้าเมืองปีนังให้นำเรือมาซื้อไก่ ที่จังหวัดตรัง จนกลายเป็นสินค้าหลัก ส่วนชาวบ้านมีเงินใช้สอยกันทั่ว
ต่อมาสร้างถนน แพ้วถางข้างทางเพื่อให้ชาวบ้านจับจองทำเกษตรกรรมและเชิญนายทุนจากปีนังมาลงทุนด้วย ใครขยันทำกิน จะลดหย่อนกะเกณฑ์ให้ แต่จะเรียกใช้เฉพาะคนอยู่เปล่าๆ และขี้เกียจเท่านั้น
เมืองตรังที่มีชื่อว่าโจรผู้ร้ายชุกชุมก็เงียบสงบ
เมื่อสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จเมืองตรัง ทรงพอพระราชหฤาทัย ที่พระยารัษฏาฯ สร้างเมืองเจริญ จึงมีพระราชดำริให้ไปอยู่ภูเก็ต โดยพระราชทานตำแหน่งสมุหเทศาภิบาลมณฑลภูเก็ตให้รับผิดชอบ
เป็นที่ทราบกันว่าภูเก็ตและหลายจังหวัดย่านทะเลอันดามันนั้นมีชื่อเสียงเรื่องทำเหมืองแร่ดีบุก รัฐมีรายได้จากภาษีอากรที่เก็บจากการทำเหมืองมาก แต่ฝรั่งเมืองสิงคโปร์นินทา ผ่านหนังสือพิมพ์ว่ารัฐบาลไทยนำรายได้จากเหมืองแร่บุกไปใช้ส่วนกลางหมด ท้องถิ่นไม่ได้อะไรเลย
รัชกาลที่5 ทรงทราบและรับว่าจริงอยู่บ้าง จึงปรึกษากับสมเด็จกรมพะยาดำรงฯ ว่าจะแก้อย่างไร
สมเด็จกรมพระยาดำรง จึงเรียกพระยารัษฎาฯมาปรึกษาว่ามีทางออกอย่างไร
พระยารัษฎาฯทูลว่ามีทางออก แต่รัฐต้องไว้วางใจว่าเขาไม่โกง
พระยารัษฎาฯ จึงขอพระราชทานอนุญาตให้เขาเก็บรายได้นอกงบประมาณ แล้วรักษาไว้ที่ภูเก็ต แต่ลงบัญชีตามระเบียบการคลัง เวลาจะใช้เงินก็ไม่ต้องมีขั้นตอนตามระเบียบการคลัง ที่ทำให้ล่าช้า
ทั้งนี้เพื่อพัฒนาเมือง สร้างงาน ส่งเสริมเศรฐกิจการค้าจะมีความคล่องตัว
รัฐบาลยินยอม ตามที่พระยารัษฎาฯ ขอมาฯ