“วิโรจน์” แนะนายกฯ แก้ปัญหายาเสพติด ต้องจับตัวใหญ่ยึดทรัพย์ ไม่ใช่จับตัวเล็กเพื่อทำยอด อย่าเสียเวลาสาละวนอยู่กับการแก้ไขประกาศกฎกระทรวง
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. พรรคประชาชน อภิปรายนโยบายรัฐบาลที่รัฐสภาฯ เรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติด ว่าที่ผ่านมายังไม่เห็นความชัดเจนในการจัดสรรงบประมาณหรือการปฎิบัติของรัฐบาลชุดก่อน ที่มีการตั้งเป้าแก้ไขปัญหายาเสพติดภายใน 90 วัน ในพื้นที่ 25 จังหวัดที่มีการระบาดยาเสพติดอย่างรุนแรง
แต่กว่าจะแก้ไขกฎกระทรวงเรื่องการกำหนดจำนวนยาบ้าไว้ ไว้ครอบครองเพื่อเสพ ใช้ระยะเวลาไปแล้ว 84 วัน เพราะสาละวนอยู่กับการแก้ไขประกาศกฎกระทรวง สะท้อนว่านโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาลเดิมเป็นแบบคิดไปทำไปไม่ได้คิดเป็นระบบตั้งแต่แรก จึงหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่นี้ที่มีนายกรัฐมนตรีชื่อ “แพทองธาร ชินวัตร” จะได้บทเรียน
พร้อมกับเสนอแนะว่า 1. การแก้ไขปัญหายาเสพติดจะต้องจับตัวบงการใหญ่และยึดทรัพย์ ส่วนตัวเล็กตัวน้อยต้องนำเข้าสู่กระบวนการบำบัดฟื้นฟู ซึ่งจากสถิติจำนวนนักโทษพบว่าจำนวนนักโทษทั้งหมดในเรือนจำ 143 แห่ง การจับผู้ที่ครอบครองไว้เพื่อเสพมีแนวโน้มสูงขึ้น ส่วนจำนวนนักโทษเด็ดขาดที่เป็นพ่อค้ายาเสพติดที่ครอบครองไว้จำหน่ายมีแนวโน้มลดลง สะท้อนว่าเรือนจำกลายเป็นสถานที่กักกันผู้เสพ แล้วปล่อยพ่อค้ารายใหญ่ลอยนวลอยู่นอกคุก
นอกจากนี้ นายวิโรจน์ ยังอ้างอิงถึงมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ จากการจับตัวเล็กตัวน้อยไปขังคุก มากถึง 90,000 ถึง 100,000 ล้านบาท ถือเป็นต้นทุนที่สูญเสียไปจากการเสียโอกาสในการทำงาน ของผู้ที่ถูกจับ โดยเห็นว่ามาตรการที่รัฐบาลควรมุ่งเน้น ไม่ใช่การจับกุมคุมขังเพื่อทำยอดคดี
2.ต้องมุ่งการสนับสนุนดังงบประมาณการทำงานร่วมกันกับชุมชน เพื่อพาผู้เสพเข้าสู่กระบวนการบำบัดฟื้นฟู ซึ่งจะเป็นการแก้ไขที่มีประสิทธิผล เพื่อลดอุปสงค์ของยาเสพติด
“หากทำปาหี่จับผู้เสพทำยอดไม่พาไปบำบัดคนที่ถูกจับก็จะ วนกลับมาเสที่ชุมชนไม่จบสิ้น จับแล้วจับอีก ส่งฟ้องศาลไม่มารายงานตัว สุดท้ายไม่แคล้วต้องจับติดคุก ยิ่งเป็นการส่งเสริมพัฒนาแรงงานกับวงการค้ายาเสพติด จากเด็กเดินยาพัฒนากลายเป็นพ่อค้ายาเสพติด” นายวิโรจน์กล่าว
3.รัฐบาลต้องใส่ใจกับการยึดอายัดทรัพย์พ่อค้ายาเสพติด เพราะเป็นสิ่งที่พ่อค้ายาเสพติดกลัวที่สุด ถ้าพ่อค้ายาเสพติดเส้นเนื้อประดาตัว ความมั่งคั่งจากเงินสกปรกก็จะหายไปต่อหน้าต่อตา ลูกสมุนก็จะหายไป จะมีทุนตั้งตัวตั้งขบวนการค้ายาเสพติดใหม่
