"ไทยสร้างไทย" ประกาศชัด ขอ"สู้เพื่อชัยชนะของประชาชน" หยุดการเมืองสองขั้ว หยุด "last War" จุดเริ่มต้นความขัดแย้งการเมืองรอบใหม่ ลั่น ปล่อยประเทศไว้แบบนี้ไม่ได้ เพราะทำประชาชน"เสียโอกาส เสียเวลา"
เมื่อวันที่ 26 มี.ค.2565 พรรคไทยสร้างไทย ได้จัดเวที ขอสู้เพื่อชัยชนะของประชาชน พบกับ "ทางรอดของประเทศไทย" โรงละครสยามพิฆเนศชั้น 7 อาคารสยามสแควร์วัน กทม. โดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวในการแสดงวิสัยทัศน์ ไทยสร้างไทย สู้เพื่อชัยชนะ ของประชาชนโดยระบุว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งที่สำคัญ จึงขอเชิญชวนพี่น้องคนไทยทุกคนมาร่วมเดินออกจากสงครามความขัดแย้งการเมือง 2 ขั้วที่ต่างเป็น Last War ที่แพ้ไม่ได้ทั้งคู่ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่จบการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของ"สงครามความขัดแย้งครั้งใหม่"ที่รุนแรงกว่าเดิมไม่ว่าใครชนะ สังคมจะเกิดความวุ่นวายขึ้นอีกครั้งและ"ประชาชนจะเป็นผู้แพ้"อีก
พรรคไทยสร้างไทย จึงปล่อยให้ประเทศเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ เพราะความขัดแย้งที่ผ่านมา เราเสียเวลาและโอกาสมาแล้วถึง 17 ปี พวกเราจะไม่ยอมให้ ประเทศชาติและประชาชนต้องสูญเสียโอกาสและเวลาที่มีค่า พรรคไทยสร้างไทยจะไม่ยอมให้ประชาชนต้องยอมจำนนและเป็นผู้แพ้อีกต่อไป
ดังนั้นในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ พรรคไทยสร้างไทย จึงพร้อมที่จะเป็นทางเลือกใหม่ทางรอดของประเทศอย่างแท้จริง เพื่อยุติสงครามแย่งชิงอำนาจของการเมืองสองขั้ว ที่ทำให้เกิดการรัฐประหารถึง 2 ครั้ง
พรรคไทยสร้างไทยขอประกาศอย่างชัดเจนว่าไม่สนับสนุนเผด็จการอย่างเด็ดขาด รวมทั้งเราไม่สนับสนุนการผสมพันธุ์ข้ามขั้ว เพราะถือเป็นการหลอกลวงประชาชน และขอเรียกร้องให้ทุกภาคการเมืองแสดงจุดยืนของตัวเองให้ชัดเจน ซึ่งตนและพรรคไทยสร้างไทย จะไม่ยอมเป็นที่เหยียบยืนให้กับเผด็จการอย่างเด็ดขาด
เราขอมาเพื่อทำให้ประชาชนชนะ ไม่ใช่มาทำเพื่อตนเอง โดยหวังเพียงแค่ได้อำนาจเป็นรัฐบาล เพื่อไปโกงกิน และเอาเงินที่โกงกินกลับมาซื้อประชาชน
พี่น้องประชาชนไม่ต้องกังวลว่า หากเลือกพรรคไทยสร้างไทย แล้วคะแนนจะตกน้ำ ลุงจะได้อยู่ต่อ ตรงกันข้ามเลือกเราไทยสร้างไทย ให้ถล่มทลาย การันตรีว่าจะไม่ได้ลุงคนไหน กลับมาทำร้ายประเทศต่ออย่างแน่นอน
จึงไม่จำเป็นที่ต้องเลือกแบบเดิม สองขั้วเดิม ที่จะพาประเทศกลับไป ติดหล่มแบบ17ปี ที่ผ่านมาอีก
"เลือกไทยสร้างไทยให้ชนะถล่มทลาย เพื่อยุติสงครามแย่งอำนาจของการเมือง 2 ขั้ว"
"เลือกไทยสร้างไทยให้ชนะถล่มทลาย ประเทศไทยเดินต่อได้"
"เลือกไทยสร้างไทยให้ชนะถล่มทลาย เศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างก้าวกระโดด และยั่งยืน"
"เลือกไทยสร้างไทยให้ชนะถล่มทลายคนไทยทุกคนจะได้รับการดูแลตั้งแต่เกิดจนแก่ให้อยู่อย่างมั่นคง มีศักดิ์ศรี"
"เลือกไทยสร้างไทย ให้ชนะถล่มทลายเพื่อชัยชนะ ที่ถาวรของคนไทยทุกคน"
จากประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ ที่เคยบริหารราชการแผ่นดินมาหลายกระทรวง ตลอดระยะเวลา 30 ปี และทำงานยากๆ สำเร็จมาแล้วทั้งสิ้น ตนพร้อมแล้ว ที่จะมาเป็นผู้นำประเทศไทย ที่พาประเทศออกจากวิกฤติ และนำชัยชนะที่แท้จริงมาสู่ประชาชน
ขณะที่ นายโภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า กว่า 90ปี ที่สงครามการเมือง ระหว่างเผด็จการอำนาจนิยม กับกลุ่มคนสวมเสื้อประชาธิปไตย ที่เอื้อผลประโยชน์เพื่อพวกพ้อง จนทำให้ประเทศเกิดปัญหามาจนถึงทุกวันนี้ ทั้งกลุ่มทุนสีเทา และการทุจริตคอร์รัปชัน “หากไม่ยุติสงครามการเมืองแบบนี้ ประชาชนจะพ่ายแพ้”
ทั้งนี้ หลักการเสรีภาพ เสมอภาค ภรดรภาพ ที่มีมาตั้งแต่การปฏิวัติฝรั่งเศส ปี 1789 สิ่งที่สำคัญ คือเราจะทำให้คนไทยเป็นพี่น้องกันได้อย่างไร เพราะปัจจุบัน ความเหลื่อมล้ำทางสังคม และเศรษฐกิจเพิ่มสูงขึ้น บัตรคนจนพุ่งขึ้นกว่า 20 ล้านคน เน้นการลงทุนกับโครงการก่อสร้าง มากกว่าการลงทุนกับคน “ประเทศนี้ยิ่งใหญ่ แต่ถูกทำให้เล็ก!”
นายโภคิน กล่าวอีกว่า ไทยสร้างไทย เราจะดูแลคนไทย “ตั้งแต่เกิดจนแก่” ให้อยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี และมีความมั่นคง เราต้องนำสิทธิที่ประชาชนถูกปล้นกลับคืนมา เพื่อสร้างประเทศไทยที่ดีที่สุดให้กับลูกหลานของเรา การออกจากสงครามการเมืองสองขั้ว สิ่งสำคัญ คือการปลดปล่อย (Liberate) และสร้างพลังอำนาจให้ประชาชน (Empower) ความคิด และวัฒนธรรมแบบอำนาจนิยม ที่ใช้กลไกรัฐราชการเป็นเครื่องมือกดทับการทำมาหากินของประชาชน
ปลดล็อกรัฐธรรมนูญ ให้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง (สสร.) หยุดการสืบทอดอำนาจเผด็จการ รัฐประหารคือกบฏ ต้องได้รับโทษสูงสุด
ปลดล็อกกฎหมายที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการทำมาหากิน ที่ปัจจุบันมีใบอนุมัติ ใบอนุญาตกว่า 1,400 ฉบับ แขวนการบังคับเป็นเวลา 3-5 ปี คงเหลือเฉพาะกฎหมายที่จำเป็น
เสริมจุดแข็งจากความดั่งเดิมของไทยในด้าน อาหาร สุขภาพ การท่องเที่ยว และจุดยุทธศาสตร์แผนที่ Location ของไทย เป็นศูนย์กลางการเชื่อมของภูมิภาค และของโลก
ขอชวนทุกคนมาร่วมจุดไม้ขีดไฟคนละก้าน ส่องสว่างไล่ความมืดมืด และเผาขยะกองใหญ่ ที่เป็นปัญหา และอุปสรรคให้หมดไปจากสังคมไทย เรามาร่วมกันจุดไม้ขีดไฟให้สำเร็จ เพื่อชัยชนะของประชาชน
ด้าน นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า นักธุรกิจที่จะประสบความสำเร็จได้ต้องมีวิสัยทัศน์ ธุรกิจสิ่งพิมพ์ของตัวเองเริ่มมาจากเครื่องเขียน มาสู่สิ่งพิมพ์ และมาเป็นเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เพราะเรามีวิสัยทัศน์ แต่ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาไม่เคยเห็นวิสัยทัศน์แบบนี้ของผู้บริหารประเทศ มีแต่วิสัยทัศน์ที่จะทำให้ตัวเองอยู่รอด วันนี้เรามีหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นกว่า 40% ประเทศกำลังจะเจ๊ง เราขาดดุลการค้ากว่าสามแสนล้านบาท และถ้าเราไม่ร่วมกันแก้ไข รัฐบาลทำประชานิยมโดยไม่รู้จักหารายได้ นั่นคือมหัตภัยของประเทศ เศรษฐกิจแย่ แต่ยาเสพติดเพิ่ม ยาเสพติดจะถูกกว่าก๋วยเตี๋ยวแล้ว แล้วอนาคตลูกหลานเราก็ต้องเจออะไรแบบนี้เหรอ?
เราต้องมองปัญหาให้ออก คุณหญิงสุดารัตน์ มีวิสัยทัศน์ เรามีนโยบายสร้างประเทศไทยให้แข็งด้วยนโยบาย 3 สร้าง ให้คนตัวเล็กต้องมีพลัง เพราะคนตัวเล็กคือคนขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากฐานราก เราต้องช่วยเขาแก้หนี้ทั้งในและนอกระบบ ทุกคนพูดได้ แต่ทำเป็นหรือเปล่าไม่รู้ แต่ตัวเองเคยเป็นหนี้และแก้หนี้มาจนรวยได้ วันนี้เราจะปลดล็อกหนี้เครดิตบูโรและจ่ายดอกเบี้ยให้ประชาชนมีอิสระทางการเงิน ทำธุรกิจต่อไปได้ เราจะมีนักรบอีก 3-4 ล้านคนที่ทำให้ประเทศมีรายได้ เราจะเอาเขาเข้าระบบ เราไม่ควรมีบัตรคนจน แต่ควรมีบัตรเครดิตประชาชนให้คนไทยมีเงินกู้ไปทำมาหากิน เราจะตั้งกองทุน SME และเสริมแรงด้วยกองทุนนวัตกรรม เพื่อให้สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
นอกจากนี้ยังมีนโยบายสร้างรายได้จากทั้งเศรษฐกิจฐานเดิม เช่น ลดตั้นทุนการเกษตร พัฒนาระบบน้ำ จัดอีเวนต์ระดับโลกทุกเดือนเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว เช่น มวย EDM มาราธอน เราจะเพิ่มแต้มต่อให้ SME และคนตัวเล็ก ด้วยการจัดคลัสเตอร์ธุรกิจ รัฐส่งเสริมเรื่องตลาด การขนส่ง การพัฒนาและวิจัย อีกทั้งยังสร้างฐานเศรษฐกิจโลกใหม่ เช่น สร้างแพล็ตฟอร์มไทย BCG เป็นต้น
สุดท้ายคือการสร้างโอกาสและความสุข เราจะงดเว้นภาษีนิติบุคคลที่รายได้ต่ำกว่าสามแสนบาท 3 ปี เรามีนโยบายทวงคืนที่ทำกินและอากาศบริสุทธิ์ให้คนไทย ฯลฯ ซึ่งตัวเองเชื่อว่าพรรคไทยสร้างไทยทำได้แน่นอน เรามีประสบการณ์และมีอุดมการณ์ ประเทศจะเข้มแข็งและเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจได้ ผู้บริหารต้องมีความตั้งใจและอุดมการณ์ เราเคยทำ ไม่ได้แค่จำมาพูด เราจะทำให้ประชาชนชนะ
“เราเคยทำ ไม่ใช่แค่จำมาพูด รัฐบาลทำประชานิยมแต่ไม่รู้จักหารายได้ ทุกคนบอกจะแก้หนี้ก็ไม่รู้ว่าทำเป็นหรือเปล่า แต่ผมเคยเป็นหนี้และแก้หนี้มาจนรวยได้ ผมจะทำให้ประชาชนชนะ” นายสุพันธุ์ กล่าว
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ประธานคณะกรรมการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ พรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงความหวังในการสร้างเศรษฐกิจไทย คือการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อให้เศรษฐกิจไทย มีที่ยืนอย่างแข็งแกร่งในการค้า การลงทุนโลก ซึ่งจะสร้างงาน สร้างอาชีพที่มั่นคงให้กับคนไทยจำนวนมากได้ โดยระบุว่า แผนพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล มีหัวใจสำคัญอยู่ที่ 3 คำ คือ ประชาชน เอกชน และภาครัฐ
ภาคประชาชน ต้องส่งเสริมให้ จัดโครงการพัฒนาทักษะดิจิทัลระดับชาติ ประชาชนเรียนรู้ผ่านระบบออนไลน์ฟรี เปิดหลักสูตรร่วมกับสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ
ภาคเอกชน สนับสนุนเอกชน ลงทุนสร้างนวัตกรรม และส่งเสริมการจ้างงาน สร้างคลัสเตอร์ธุรกิจดิจิตอล
ตั้งกองทุนเศรษฐกิจดิจิทัลชุมชน งบ 15,000 ล้านบาท จัดสรร 75,000 หมู่บ้าน หมู่บ้านละ 200,000 บาท
ภาครัฐ ให้ภาครัฐมีบทบาทสำคัญ 4 อย่าง
1.วางยุทธศาสตร์เศรษฐกิจดิจิทัล 2.จับมือกับเอกชนสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล 3. ปรับเปลี่ยนรูปแบบบริการสู่ระบบดิจิทัล เช่นด้านสุขภาพ การศึกษา ระบบลงทะเบียน 4.พัฒนาเทคโนโลยี เป็นเครื่องมือให้ประชาชนตรวจสอบ ถ่วงดุลการทำงานของภาครัฐ เพื่อความโปร่งใส โดยมีเป้าหมาย คือเศรษฐกิจที่โตอย่างแข็งแกร่ง โตอย่างทั่วถึง และโตอย่างยั่งยืน โตอย่างแข็งแกร่ง เราต้องหาเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ที่จะขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทย โตได้สูงกว่าที่เป็นอยู่นี้ รายได้ของประชาชนมาจากเศรษฐกิจที่เติบโตดี แต่หากเศรษฐกิจโตอย่างไม่แข็งแกร่ง ทุกอย่างก็จะไปต่อไม่ได้
โตอย่างทั่วถึง เราต้องสร้างระบบเศรษฐกิจ ที่ทำให้โอกาสและรายได้กระจายไปสู่ประชาชนส่วนใหญ่ ที่ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินสร้างอนาคต ไม่ใช่กระจุกตัวที่เจ้าของทุนหรือธุรกิจขนาดใหญ่ทั้งหมด นอกจากนี้ เราต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และต้องมีระบบที่ช่วยรองรับคนที่ล้มให้ลุกต่อไปได้อย่างแข็งแกร่ง
โตอย่างยั่งยืน เราต้องสร้างเศรษฐกิจที่โตแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่เอาเปรียบคนทำงาน และมีระบบการถ่วงดุลตรวจสอบที่ดี เศรษฐกิจที่โตแบบไม่สมดุล สุดท้ายก็จะพังครืนลง เพราะผลร้ายจากความไม่ยั่งยืนจะย้อนกลับมาทำร้ายเศรษฐกิจ ความยั่งยืนจะทำให้เราไปต่อได้และไปต่อได้ดีด้วย
ที่ผ่านมา ผมได้ทำงานเพื่อสนับสนุนภาคเอกชนให้ขยายโครงสร้างและโครงข่ายพื้นฐานทางดิจิทัลให้กับประเทศให้มากที่สุดอย่างต่อเนื่อง จนความพยายามดังกล่าวของเราประสบความสำเร็จ ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคอาเซียน ที่มีการเปิดให้บริการ 5G เกิดขึ้นในปี 2563
เทคโนโลยีดิจิทัลกำลังเป็นตัวแปรสำคัญ ที่จะกำหนดอนาคตของเศรษฐกิจต่างๆ ทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่เศรษฐกิจไทย
เทคโนโลยีดิจิทัล ยังสามารถพัฒนาไปได้อีกมาก และหลายๆ ประเทศกำลังหาทาง วางบทบาทของตัวเองในยุคการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีนี้
หากประเทศไทยเรากำหนดยุทธศาสตร์ให้ประเทศได้เร็วและดี เศรษฐกิจและประชาชนจะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
เราจะทำให้เศรษฐกิจดิจิทัลเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียม เพื่อสร้างให้เศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง สร้างความยั่งยืนให้กับประเทศไทย เรามั่นใจ “เราทำได้ และทำในทันที เพื่อส่งมอบประเทศไทยที่ดีกว่าให้กับลูกหลานของเราต่อไป