ตัดสินใจลงสู่สนามการเมือง ด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือสังคม สร้างการศึกษาที่เท่าเทียม และด้วยความเชื่อมั่นว่า สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมได้ก็คือการศึกษา
การเลือกเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 14 พ.ค.2566 นี้ มีนักการเมืองรุ่นใหม่อาสาเข้ามารับใช้ประชาชนจำนวนมาก จากหลายพรรคการเมือง สำนักข่าว The Better ได้มีโอกาสพูดคุยกับ "ครูพรีมมี่" นรเสฏฐ์ เธียรประสิทธิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตยานนาวา บางคอแหลม พรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นทั้งคุณครู เป็นนักการศึกษา ทายาทเจ้าของโรงเรียนเปล่งประสิทธิ์ ที่ตัดสินใจลงสู่สนามการเมือง ด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือสังคม สร้างการศึกษาที่เท่าเทียม และด้วยความเชื่อมั่นว่า สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมได้ก็คือการศึกษา
"ครูพรีมมี่" จบการศึกษาปริญาตรี BBA จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลังเรียนจบก็ได้ปักหลักทำงานกับกลุ่มซีพี ที่กรุงปักกิ่ง และไปต่อปริญญาโทMBA สาขาการเงิน ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นคนไทยคนแรกที่เข้าไปเปิดธุรกิจด้านการศึกษาในเมืองจีน โดยการเปิดโรงเรียนกวดวิชาภาษาอังกฤษให้กับคนจีน รวมทั้งได้เปิดคอร์สอบรมคุณครูสอนภาษาอังกฤษโรงเรียนอนุบาลที่ปักกิ่ง
ด้วยความบังเอิญผู้บริหารกระทรวงการศึกษาธิการของไทยในขณะนั้น ได้ไปศึกษาดูงานที่สาธารณรัฐประชาชนจีน และได้มีโอกาสพบกับครูพรีมมี่ จึงได้เชิญชวนครูพรีมมี่กลับมาช่วยประเทศไทยด้านการศึกษา
"เมื่อ 3 ปีก่อน ผมได้เข้ามาช่วยดูแลพัฒนาหลักสูตรภาษาจีนของชาติ หลักสูตรภาษาจีนที่ใช้ในปัจจุบันนี้ ผมเป็นคนหนึ่งคนที่ทำมันขึ้นมา นี่เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ตัดสินใจเข้าสู่การเมืองเพราะการตัดสินใจของคนไม่กี่คนมันมีอิมแพ็คมากกับคนในประเทศ" ครูพรีมมี่ กล่าวด้วยความภูมิใจ
"ครูพรีมมี่" ได้บอกถึง แรงบันดาลใจที่ทำให้อยากลงเล่นการเมืองว่าที่บ้านทำงานสังคมสงเคราะห์มาตั้งแต่รุ่นคุณยาย คุณหญิงโรส บริบาลบุรีภัณฑ์ เราก็ช่วยเหลือสังคม คุณแม่รมณีย์ เธียรประสิทธิ์ ก็จะช่วยเหลือเรื่องของสิทธิผู้หญิง ผมโตมากับอะไรที่ช่วยเหลือสตรีช่วยเหลือเด็กช่วยเหลือสังคม และพี่สาวของคุณยายก็คือ ท่านผู้หญิงพูนทรัพย์ นพวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ก่อตั้งคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ โรงเรียนสาธิตจุฬา
ผมโตมากับการศึกษาโดยการปลูกฝังว่าต้องช่วยเหลือสังคม สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมได้ก็คือการศึกษา พอเรามาเห็น เราก็รู้สึกว่าสิ่งที่จะทำให้ประเทศไทยพัฒนาได้คือการศึกษา แล้วการที่จะทำให้การพัฒนาประเทศยั่งยืนนั้นก็ต้องเริ่มจากการพัฒนาการศึกษา
ทั้งนี้ในเชิงการศึกษาต้องเรื่มตั้งแต่เด็กเล็กๆไปจนถึงวัยสูงวัย ซึ่งตรงนี้ถ้าทำให้มันยาวได้มันก็จะยั่งยืน หลายฝ่ายที่พยายามทำเรื่องการศึกษามา มันเป็นแก้ไขปัญหาระยะสั้น สิ่งที่น่าตกใจคือเมื่อเราลองไปสัมผัสชุมชน ไม่ว่าจะเป็นชุมชน ราชเทวี พญาไท จตุจักร โดยชุมชน นั้น มีประชากรหนึ่งในสามของเขตนั้นหรือประมาณ 30% ของทั้ง กทม. ซึ่งเยอะมาก มีความเหลื่อมล้ำมาก
ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจจริงๆ มันเริ่มต้น มาจากการศึกษา คนที่มีรายได้สูงก็จะสามารถไปผลักดันตัวเอง ผลักดันครอบครัวให้เข้าโรงเรียนดีๆ ส่วนคนที่มีรายได้ต่ำตั้งแต่แรกเกิดก็ต้องไปอยู่ตามโรงเรียนศูนย์เด็กเล็ก ที่การศึกษาไม่ได้มีอะไร เป็นเหมือนสถานที่ฝากเด็กมากกว่าการให้การศึกษา
เอาเด็กไปฝากไว้แล้ว พอถึงตอนประถมก็เอาเข้าโรงเรียนรัฐบาล พอเข้ามาดูคุณภาพ ทำไมเด็กเหล่านี้ถึงมีหลายคนอ่านภาษาไทยไม่ออก หรือขึ้นมาถึงมัธยมก็ยังมีคนอ่านหนังสือไม่ออกก็มี ก็สงสัยว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ และ เด็กจบออกมาพยายามผลักดันตัวเองออกมา ก็หางานไม่ได้หรือเรียนจบออกมาไม่ถูกทางก็ทำงานไม่เป็นอีก ก็เป็นปัญหาของสังคม ผมว่าพื้นฐานที่สำคัญคือการศึกษา แรงบันดาลใจของผม คือการผลักดันเรื่องของการศึกษาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยังยื่นต่อสังคม
"ครูพรีมมี่" เชื่อมั่นว่า การเมือง จะแก้สิ่งเหล่านี้ได้ จึงได้อาสาเข้ามาลงสมัคร ส.ส.ด้วยความหวังว่า จะได้ผลักดันแนวคิดนโยบายเพื่อจะได้ช่วยเหลือ สังคม ประเทศชาติได้
"บางคนตอนเริ่ม อยากทำงานแบบนี้ แต่พอเข้ามาแล้วก็ลืมวัตถุประสงค์ของตัวเองที่เข้ามา แต่ผมไม่ลืมผมทำงานแบบนี้ ผมทำมาเรื่อยๆอยู่แล้ว และในช่วงระยะหลังได้รวมตัวกับเพื่อน ช่วยการศึกษาได้หลายๆ อย่างรวมไปจนถึงมีการทำครูอาสาสอนภาษาจีนตามชุมชน เรามองว่ามันเริ่มได้ แล้วถ้าวันหนึ่ง ไปอยู่ในจุดที่สามารถผลักดันนโยบาย หรือแม้กระทั่งไปสร้างนโยบายของตัวเองในอนาคตได้ ผมก็จะสร้างตรงนี้ขึ้นมาผลักดันในเรื่องการศึกษาเท่าเทียม"
ว่าที่ผู้สมัครส.ส.พรรคภูมิใจไทย บอกอีกว่า การศึกษา ทุกวันนี้มันเปลี่ยนไปแล้วที่จะต้องไปนั่งเรียน ผมเป็นเจ้าของโรงเรียนอนุบาลและเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เข้าใจแล้วว่า เด็กสมัยนี้ เด็กแต่ละยุคแต่ละวัยไม่เหมือนกัน เด็กเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เด็กมหาวิทยาลัยยุคนี้ ม.เอกชน ไม่รอให้เรียนจบ 4 ปีค่อยหาเงิน เขาต้องการหาเงินได้นะเดี๋ยวนั้นเลย
ความรู้สมัยนี้สามารถเปิด YouTube ได้แล้ว ถ้าจะต้องมานั่งฟังครูเล็คเชอร์ 2 ชั่วโมง เขาบอกว่าเสียเวลา เขาต้องการฟังคนที่มีความรู้ความสามารถจริง มาอบรมสั่งสอนเขา ซึ่งตรงนี้สังคมต้องการผู้รู้เพื่อเข้ามาเปลี่ยนตรงนี้
ขณะเดียวกัน เราต้องพัฒนาครูผู้สอน เราลืมมองไปว่าเด็กจะเจริญได้หรือไม่อยู่ที่ครูผู้สอน ครูเรียนรู้อะไรมาและ เป็นแบบไหนมา ความผิดพลาดอย่างหนึ่งเลยคือ เราไปประเมินครูจากเอกสารในการเลื่อนขั้น แต่ไม่ได้ประเมินครูจากผลสัมฤทธิ์จากเด็กนักเรียน รัฐมองว่าผลสัมฤทธิ์ของครูคือกระดาษ ครูจึงเอาเวลาไปอยู่กับกระดาษ ในความจริงควรมีการประเมินที่ลูกศิษย์ว่า มีความรู้ มีศักยภาพออกไปใช้ชีวิตได้มากน้อยแค่ไหน รวมถึงความสำเร็จเร็จต่างๆ เหมือนโรงเรียนเอกชนที่มีการประเมินกัน
ปัจจุบันนี้เราสามารถเรียนออนไลน์นั่งอยู่ที่ไทยแต่สามารถเรียนกับครูที่เก่งที่สุดในประเทศจีนก็ได้โอกาสมันเปิดกว้างการศึกษาเท่าเทียมผ่านสื่อต่างๆ มันสามารถเปลี่ยนได้จากดาวเทียมมาเป็นอินเตอร์เน็ต มาเป็นวีอาร์ต่างๆซึ่งมันอยู่ที่นโยบายอยู่ที่การผลักดันของพรรคการเมือง
สำหรับการตัดสินใจเลือกมาอยู่ภูมิใจไทย "ครูพรีมมี" บอกว่า ชอบเป็นเพราะพรรคสีน้ำเงิน ผมดูสัมภาษณ์ของครูใหญ่ "เนวิน ชิดชอบ " บ่อย ท่านจะบอกเลยว่า พรรคนี้สีน้ำเงินเพราะอะไร เป็นสีบนธงชาติ เรารักสถาบันอันนี้คือเหตุผลหลักที่ผมอยู่ฝั่งนี้ เพราะการ ยืนบนอุดมการทางการเมืองต้องไปด้วยกันได้
ข้อที่สองผมชอบสโลแกนพรรค "พูดแล้วทำ" เราอยากจะลบคำพูดที่บอกว่านักการเมืองตอนหาเสียงมาไหว้แต่ พอได้เป็นผู้แทนแล้วไม่เห็นหัวประชาชน พรรคเราทำจริงและพยายามผลักดันทุกอย่างที่เป็นไปได้อาจจะมีกระแสบวกลบบ้าง แต่เราทำ
ผมลงพื้นที่ มาอย่างต่อเนื่องเป็นปี กล้าพูด พรรคเรามีผลงานให้คนกรุงเทพอย่างเต็มที่ อย่างเมื่อวาน มีคนถามผมว่า ภูมิใจไทยทำอะไรบ้าง เราก็เลยต้องเล่าตั้งแต่ช่วงโควิดที่ฉีดวัคซีนกัน ก็เป็นผลงานของภูมิใจไทย เราเปิดประเทศได้เป็นประเทศแรกๆ ก็มาจาก ภูมิใจไทย รถเมล์ไฟฟ้า ที่หลายหลายคนออกมาต่อสู้ pm 2.5 ภูมิใจไทยเป็นคนสร้างโครงการรถเมล์ไฟฟ้าขึ้นมาเราทำโครงการนี้ตั้งแต่คนยังไม่สนใจ pm 2.5 เท่าไรนัก เราจึงบอกชุมชนได้ว่าพรรคเรามีผลงานกับกรุงเทพฯนะ
อย่างไรก็ตามจากการลงพื้นที่ ได้ชี้แจงพูดคุยทำความเข้าใจ รวมถึงการช่วยประสานชงานแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้าน ชุมชน หลากหลายปัญหา อาทิ ท่อระบายน้ำจากทางด่วน ชาวบ้านบอกว่าเขาร้องเรียน มา 30 ปีผมก็เข้าไปดำเนินเรื่องให้ ผมทำ 4 เดือนเสร็จตอนนี้มีท่อแล้ว
นอกจากนี้บางพื้นที่ ตามตรอกซอกซอย ถนนมันมืดมาก คนในชุมชนมาขอให้ช่วยบอกว่าตรงนี้รถคว่ำบ่อยมากเพราะว่ามันมืด เราก็ทำเรื่องประสานงานปัจจุบันตอนนี้สว่างแล้ว เราจิกปัญหาเรากัดไม่ปล่อย เราไม่ใช่แค่ไปทำสื่อ เราต้องการทำสิ่งที่เป็นรูปธรรม ผมไม่ชอบการพูดลอยๆแล้วผ่านไปต้องพูดแล้วทำ ทำให้กระแสตอบรับจากประชาชนค่อนข้างดี
"ครูพรีมมี่" มองว่า จากการลงพื้นที่ ชาวบ้านต้องการผู้สมัครที่ไม่ทิ้งพื้นที่ ได้รับเลือกแล้ว ไม่ลืมเขา ไม่ทิ้งเขา หลายคนได้แล้วหายไป ซึ่งอาจจะเป็นเพราะผู้สมัครหลายคนต้องไปทำงานในสภาขาวบ้านเลยไม่ได้เห็น ชาวบ้านเลยอยากเห็น และ อีกอย่างสิ่งต้องการแก้ไขปากท้องปัญหาปัจจุบัน ซึ่ง ผมอยากให้มองการแก้ปัญหาในปัจจุบันและอนาคต ต้องมองระยะยาวไม่ใช่แค่วันพรุ่งนี้ ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของเขา เศรษฐกิจ
เรื่องสาธารณะบริโภค เรื่องพื้นฐานชีวิต ชาวบ้านหลายส่วนยังมองถึงตรงนั้น เราในฐานะที่เป็นครู เป็นนักการเมืองจะเข้าไปช่วยผลักดันในส่วนนั้นให้ดีขึ้น
"เราเป็นตัวเลือกใหม่ สำหรับการเข้าไปพัฒนาคนท้องที่ให้ดีกว่าเก่า จากที่ผ่านมาจะเห็นว่าเราทำจริง สโลแกนของพรรคคือพูดแล้วทำ ผมอยากผลักดันทั้งหมด ผมอยากจะผลักดันด้านการศึกษาให้กับบุตรหลานของท่านให้กับกรุงเทพทั้งหมดเพื่อให้มันยั่งยืน การสร้างรายได้ต่างๆทั้งหมดมันเกิดมาจากจุดเริ่มต้นคือเรื่องของการศึกษา อยากผลักดันตรงนี้ให้สังคมดีขึ้นเศรษฐกิจดีขึ้นอย่างยั่งยืน ถ้าอยากได้นักการเมืองพรรคการเมืองที่ทำงานแน่แน่ให้เลือกผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย " ครูพรีมมี่ กล่าวทิ้งท้าย