เทศกาลกินเจเป็นประเพณีของชาวจีนที่มีบทบาทสำคัญและเป็นที่รู้จักในวงกว้างในสังคมไทย ปัจจุบันเทศกาลนี้ไม่เพียงมีคนไทยเชื้อสายจีนเป็นผู้เข้าร่วมพิธีเท่านั้นแต่ยังประกอบด้วยคนไทยและคนอีกหลายเชื้อชาติด้วย
เทศกาลกินเจเป็นประเพณีของชาวจีนที่มีบทบาทสำคัญและเป็นที่รู้จักในวงกว้างในสังคมไทย ปัจจุบันเทศกาลนี้ไม่เพียงมีคนไทยเชื้อสายจีนเป็นผู้เข้าร่วมพิธีเท่านั้นแต่ยังประกอบด้วยคนไทยและชาวต่างประเทศหลายเชื้อชาติอีกด้วย
"เทศกาลกินเจ" คืออะไร?
เทศกาลกินเจ หรือ 'กินเจ' หรือบางแห่งเรียกว่า 'ประเพณีถือศีลกินผัก' จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 - 23 ตุลาคม 2566 (บางคนอาจเริ่มกินล้างท้องตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม) โดยทุกๆ ปี จะเริ่มต้นตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ ถึง ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีนของทุกปี รวม 9 วัน ซึ่งจะตรงกับเดือนตุลาคมของไทย เรียกได้ว่าเป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมายาวนาน และยังคงมีอิทธิพลอย่างมากต่อคนเชื้อสายจีนในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์
โดยเทศกาลกินเจในประเทศไทย เป็นรูปแบบความเชื่อและประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันในกลุ่มคนเชื้อสายจีน โดยรับเอาแนวคิดจากบรรพบุรุษชาวจีน ที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผสมกลายเป็นรูปแบบความเชื่อท้องถิ่น จนกลายเป็นประเพณีเฉพาะของลูกหลานชาวจีนในภูมิภาคนี้
เมื่อถึงช่วงเทศกาลกินเจ ไทยมักจะจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่เพื่อสืบสานประเพณี ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาร่วมงาน สำหรับงานกินเจที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จัก ได้แก่ งานกินเจเยาวราช กรุงเทพฯ และงานกินเจ จ.ภูเก็ต
ซึ่งชาวจีนแผ่นดินใหญ่ในปัจจุบัน เชื่อว่าการกินเจ คือการสักการะพระพุทธเจ้า 7 พระองค์ และพระมหาโพธิสัตว์ 2 พระองค์ รวมเป็น 9 พระองค์ ซึ่งชาวจีนจะเรียกเทศกาลนี้ว่า "เทศกาลเฉลิมฉลองของพระราชาธิราชทั้ง 9"
"เจ" หมายถึงอะไร?
คำว่า "เจ" (齋) ในภาษาจีนทางพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน มีความหมายเดียวกับคำว่า "อุโบสถ" ดังนั้นการกินเจก็คือการรับประทานอาหารก่อนเที่ยงวัน เหมือนกับที่ชาวพุทธในประเทศไทยที่ถืออุโบสถศีล หรือรักษาศีล 8 โดยไม่รับประทานอาหารหลังจากเที่ยงวันไปแล้ว
แต่เนื่องจากการไม่กินเนื้อสัตว์และยังดำรงอยู่ในศีลธรรม ทำให้ความหมายของคำว่า "เจ" สื่อถึง การรักษาความบริสุทธิ์ทั้งกายและใจ เพื่อเป็นการสักการะบูชาองค์เทพที่นับถือกลายเป็นการถือศีลกินเจ
ส่วนป้ายคำว่า "เจ" ทั้งภาษาไทยและจีน ที่มักเห็นในประดับตามห้างร้านต่างๆ ในช่วงเทศกาลกินเจ เป็นการสื่อว่า "ไม่มีของคาว" (ไม่มีเนื้อสัตว์) โดยตัวอักษรสีแดง เป็นตัวแทนของความเป็นสิริมงคล ส่วนพื้นหลังสีเหลือง เป็นตัวแทนของพระพุทธศาสนา
ความเชื่อเกี่ยวกับ "เทศกาลกินเจ"
ความเชื่อเกี่ยวกับ "เทศกาลกินเจ" มีหลายตำนาน แต่ตามตำนานเล่าว่า เมื่อเล่าจื๊อ ศาสดาแห่งลัทธิเต๋าเกิดขึ้นได้ถือพรตของลัทธิเต๋าแต่นั้นมา เมื่อก่อนนั้น การกินเจไม่มีการกำหนดว่าจะกินกันเมื่อไร แต่ถือเอาความสะดวกของผู้กิน จะกินวันไหน เดือนไหนก็ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้ว ผู้คนนิยมกินเจในช่วงไว้ทุกข์ ทั้งนี้เพื่อเป็นการปฎิบัติตนในทางที่ดีงาม เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับไป
บางแห่งเชื่อกันว่ากินเจเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระมหาโพธิสัตว์กวนอิม ส่วนความเชื่ออื่นๆ ที่เกี่ยวกับเทศกาลกินเจนั้นมีดังนี้
ตำนานที่ 1
กล่าวกันว่า การกินเจเริ่มขึ้นเพื่อรำลึกถึงนักรบ "หงี่หั่วท้วง" ซึ่งเป็นทหารชาวบ้านของจีนที่ต่อสู้ต้านทานกองทัพแมนจูอย่างกล้าหาญ ฝ่ายแมนจูมีปืนไฟของชาวตะวันตกที่ฝ่ายจีนไม่มี นักรบหงี่หั่วท้วงเหล่านี้จะประกอบพิธีกรรมนุ่งขาวห่มขาว ไม่กินเนื้อสัตว์และผักที่มีกลิ่นฉุน และท่องบริกรรมคาถาตามความเชื่อของจีน เชื่อกันว่าจะสามารถป้องกันปืนไฟได้ แต่ก็ไม่ประสบผล
ครั้นจีนพ่ายแพ้แมนจู ชายชาวจีนถูกบังคับให้ไว้ผมอย่างชาวแมนจู ซึ่งสร้างความคับแค้นให้แก่ชาวจีนอย่างมาก ชาวจีนจึงรำลึกถึงนักรบหงี่หั่วท้วงเหล่านี้ด้วยสำนึกในบุญคุณ
ตำนานที่ 2
เพื่อเป็นการประกอบพิธีกรรมเพื่อสักการบูชาพระพุทธเจ้าในอดีตกาล 7 พระองค์และพระมหาโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ รวมเป็น 9 พระองค์ด้วยกัน หรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่า “ดาวนพเคราะห์” ทั้ง 9 ได้แก่ พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร พระพุธ พระพฤหัสบดี พระศุกร์ พระเสาร์ พระราหู และพระเกตุ ในพิธีกรรมบูชานี้สาธุชนในพระพุทธศาสนาสละเวลาทางโลกมาบำเพ็ญศีลงดเว้นเนื้อสัตว์และแต่งกายด้วยชุดขาว
ตำนานที่ 3
ผู้ถือศีลกินเจในพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาของชาวจีนในประเทศไทย เพื่อสักการบูชาพระพุทธเจ้าในอดีตกาล 7 พระองค์ และพระมหาโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ รวมเป็น 9 พระองค์ (หรือ "เก้าอ๊อง")
-พระวิชัยโลกมนจรพุทธะ
-พระศรีรัตนโลกประภาโมษอิศวรพุทธะ
-พระเวปุลลรัตนโลกวรรณสิทธิพุทธะ
-พระอโศกโลกวิชัยมงคลพุทธะ
-พระวิสุทธิอาศรมโลกเวปุลลปรัชญาวิภาคพุทธะ
-พระธรรมมติธรรมสาครจรโลกมโนพุทธะ
-พระเวปุลลจันทรโภคไภสัชชไวฑูรย์พุทธะ
พระมหาโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ คือ
-พระศรีสุขโลกปัทมอรรถอลังการโพธิสัตว์
-พระศรีเวปุลกสังสารโลกสุขอิศวรโพธิสัตว์
ตำนานที่ 4
เพื่อเป็นการบูชา "จักรพรรดิซ่งตี้ปิง" ซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์ซ้องซึ่งสิ้นพระชนม์โดยทรงทำอัตวินิบาตกรรม (การฆ่าตัวตาย) ในขณะที่เสด็จไต้หวันโดยทางเรือ เมื่อมีพระชนมายุได้ 9 พรรษา พิธีบูชาเพื่อระลึกถึงราชวงศ์ซ้องนี้ มีแต่เฉพาะในมณฑลฮกเกี้ยนซึ่งเป็นดินแดนผืนสุดท้ายของราชวงศ์ซ้องเท่านั้น โดยชาวฮกเกี้ยนได้จัดทำพิธีดังกล่าวนี้ขึ้นด้วยการอาศัยศาสนาบังหน้าการเมือง การที่เผยแผ่มาสู่เมืองไทยได้นั้นเพราะชาวจีนจากฮกเกี้ยนนำมาเผยแผ่
ตำนานที่ 5
เมื่อ 1,500 ปีมาแล้ว มณฑลกังไสเป็นดินแดนที่เจริญรุ่งเรืองมาก ฮ่องเต้เมืองนี้มีพระราชโอรส 9 พระองค์ซึ่งเป็นเลิศทั้งบุ๋นและบู๊จึงทำให้หัวเมืองต่างๆ ยอมสวามิภักดิ์ ยกเว้นแคว้นก่งเลี้ยดที่มีอำนาจเข้มแข็งและมีกองกำลังทหารที่เหนือกว่า ทั้งสองแคว้นทำศึกกันมาถึงครั้งที่ 4 แคว้นก่งเลี้ยดชนะโดยการทุ่มกองกำลังทหารที่มีทั้งหมดที่มากกว่าหลายเท่าตัวโอบล้อมกองทัพพระราชโอรสทั้ง 9 ไว้ทุกด้าน แต่กองทัพก่งเลี้ยดไม่สามารถบุกเข้าเมืองได้จึงถอยทัพกลับ
จนวันหนึ่งชาวกังไสเกิดความแตกสามัคคีและเอาเปรียบกัน เทพยดาทราบว่าอีกไม่นานกังไสจะเกิดภัยพิบัติจึงหาผู้อาสาช่วยแต่ชาวบ้านจะพ้นภัยได้ก็ต่อเมื่อได้สร้างผลบุญของตนเอง ดวงวิญญาณพระราชโอรสองค์โตรับอาสาและเพ่งญาณเห็นว่าควรเริ่มที่บ้านเศรษฐีใจบุญ ลีฮั้วก่าย
คืนวันหนึ่งคนรับใช้แจ้งเศรษฐีลีฮั้วก่ายว่ามีขอทานโรคเรื้อนมาขอพบเศรษฐีจึงมอบเงินจำนวนหนึ่งให้เป็นค่าเดินทาง แต่ขอทานไม่ไปและประกาศให้ชาวเมืองถือศีลกินเจเป็นเวลา 9 วัน 9 คืน ผู้ใดทำตามภัยพิบัติจะหายไป เศรษฐีนำมาปฏิบัติก่อนและผู้อื่นจึงปฏิบัติตามจนมีการจัดให้มีอุปรากรเป็นมหรสพในช่วงกินเจด้วย
เล่าเอี๋ยเกิดศรัทธาประเพณีกินเจของมณฑลกังไสจึงได้ศึกษาตำราการกินเจของเศรษฐีลีฮั้วก่ายที่บันทึกไว้ แต่ได้ดัดแปลงพิธีกรรมบางอย่างให้รัดกุมยิ่งขึ้นและให้มีพิธีเชี้ยยกอ๋องส่องเต้
ตำนานที่ 6
ชายขี้เมานามว่า เล่าเซ็ง เข้าใจผิดคิดว่าแม่ตนตายไปเพราะเป็นโรคขาดสารอาหาร จนคืนหนึ่งแม่ได้มาเข้าฝันบอกว่า แม่ตายไปได้รับความสุขมากเพราะแม่กินแต่อาหารเจและตอนนี้แม่อยู่บนเขาโพถ้อซัว ตั้งอยู่บนเกาะน่ำไฮ้ ในมณฑลจิ๊ดเจียงถ้าลูกอยากพบแม่ให้ไปที่นั่น
ครั้นถึงเทศกาลไหว้พระโพธิสัตว์กวนอิมที่เขาโพถ้อซัว เล่าเซ็งอยากไปแต่ไปไม่ถูกจึงตามเพื่อนบ้านที่จะไปไหว้พระโพธิสัตว์ เพื่อนบ้านเห็นเล่าเซ็งสัญญาว่าจะไม่กินเหล้าและเนื้อสัตว์จึงให้ไปด้วย ระหว่างทางเดินสวนกับคนขายเนื้อเล่าเซ็งลืมสัญญาที่ให้ไว้เพื่อนบ้านก็หนีไป โชคดีที่มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินผ่านมาและต้องการไปไหว้พระโพธิสัตว์เล่าเซ็งจึงขอตามนางไป
เมื่อถึงเขาโพถ้อซัวขณะที่เล่าเซ็งก้มลงกราบไหว้พระโพธิสัตว์นั้น เขาเห็นแม่ลอยอยู่เหนือกระถางธูปที่คนอื่นมองไม่เห็น ขณะเดินทางกลับเขาได้แยกทางกับหญิงสาวและได้พบเด็กชายคนหนึ่งยืนร้องไห้อยู่จึงเข้าไปถามไถ่ได้ความว่าเป็นลูกของเขากับภรรยาที่เลิกกันไปนานแล้ว เขาจึงพาไปอยู่ด้วยแล้ววันหนึ่งหญิงสาวที่นำทางไปเขาโพถ้อซัวมาขออาศัยอยู่ด้วย ทั้งสามอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
หญิงสาวผู้นั้นเป็นสาวบริสุทธิ์ประพฤติตนเป็นคนดีอยู่ในศีลธรรมและถือศีลกินเจอยู่เนืองนิตย์ นางรู้ว่าใกล้ถึงวันตายของนางแล้วจึงบอกเล่าเซ็ง เมื่อถึงวันนั้นนางอาบน้ำแต่งตัวด้วยอาภรณ์ที่ขาวสะอาดแล้วนั่งสักครู่ก็สิ้นลม เล่าเซ็งเห็นการจากไปด้วยดีของนางคล้ายกับแม่จึงเกิดศรัทธายกสมบัติให้ลูกชายแล้วประพฤติตนใหม่ เมื่อตายไปจะได้บังเกิดผลเช่นเดียวกับแม่และหญิงสาวและประเพณีกินเจจึงเริ่มขึ้น
การปฏิบัติตนในช่วงกินเจ 9 วัน 9 คืน
1. รับประทาน "อาหารเจ"
2. งดอาหารรสจัด ซึ่งหมายถึงอาหารเผ็ด หวานมาก เปรี้ยวมาก เค็มมาก งดผักที่มีกลิ่นฉุนทั้งหลาย แยกภาชนะสำหรับอาหารเจเท่านั้น
3. รักษาศีลห้า
4. รักษาจิตใจให้บริสุทธิ์ รักษาอารมณ์ ไม่พูดคำหยาบคาย รวมถึงงดการมีเพศสัมพันธ์ ทำบุญทำทาน ไหว้พระ สวดมนต์
5. นุ่งขาวห่มขาวตลอดเทศกาลกินเจ และควรแต่งกายชุดขาวเข้าร่วมพิธีกรรมต่างๆในแต่ละศาลเจ้า
นอกจากนี้ การรักษาศีลในช่วงเทศกาลกินเจ หรือประเพณีถือศีลกินผัก นอกจากเชื่อว่าเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระมหาโพธิสัตว์กวนอิม และองค์เทพเจ้าที่นับถือแล้ว ยังเป็นกุศโลบายที่ช่วยให้ผู้ถือศีลกินเจ ผู้ที่งดบริโภคเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ เป็นเวลา 9 วัน ได้ฟื้นฟูสุขภาพและขับสารพิษออกจากร่างกาย อีกทั้งการกินผักจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ ส่งเสริมให้สุขภาพแข็งแรงอีกด้วย
นอกเหนือจากการกินเจปกติแล้ว ยังมีอีกสิ่งที่พิเศษกว่าก็คือ ขบวนแห่จากม้าทรง เมื่อเชิญเทพประทับร่างแล้ว แต่ละองค์จะสำแดงอิทธิฤทธิ์แตกต่างกันไป โดยทุกองค์เน้นที่การทรมานตนเอง เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ให้กับผู้ถือศีลกินผัก ตามความเชื่อว่า 'กิ้วอ๋องไต่เต่' (ราชาผู้เป็นใหญ่ทั้งเก้า) จะเป็นผู้รับเคราะห์แทน