"อนุทิน" ลั่นกลาง วปอ. 68 ชู "ศก.คือแนวรบใหม่" ย้ำต้อง “บูรณาการ” ทุกภาคส่วนสร้างความมั่นคงชาติ

"อนุทิน" ลั่นกลาง วปอ. 68 ชู "เศรษฐกิจคือแนวรบใหม่" ย้ำต้อง “บูรณาการ” ทุกภาคส่วนสร้างความมั่นคงชาติ ลั่น "เขมร"ผิดข้อตกลง ไทยต้องยึด "My Way" เพื่อผลประโยชน์ชาติ

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิดการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 68 ณ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร โดยมี พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเปิดการศึกษาโดยย้ำถึงความปลื้มใจที่ได้กลับมาสู่สถาบันที่ตนเคยเป็นนักศึกษา พร้อมระบุว่า ภัยคุกคามต่อความมั่นคงในยุคปัจจุบันได้แปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โดยไม่ได้จำกัดอยู่เพียงรูปแบบของการรบด้วยอาวุธ แต่ได้แฝงมาในรูปของการแข่งขันทางข้อมูล, เศรษฐกิจดิจิทัล, การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการผันผวนของตลาดโลก อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของภูมิรัฐศาสตร์

นายอนุทินเน้นย้ำว่า "ความมั่นคงทางเศรษฐกิจได้กลายเป็นแนวรบใหม่" หากเศรษฐกิจสั่นคลอนและความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้น ย่อมส่งผลให้ความปั่นป่วนทางสังคมขยายตัวกระทบต่อเสถียรภาพทางการเมืองโดยตรง รัฐบาลจึงมุ่งสร้างเศรษฐกิจที่มีความสมดุล เสมอภาค และช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้ยืนได้ด้วยตนเอง ผ่านโครงการอย่าง "คนละครึ่งพลัส" ซึ่งได้ครอบคลุมการให้เบ็ดตกปลาแก่ผู้ประกอบการให้เข้าถึงช่องทางออนไลน์และเทคโนโลยี


นายกฯ กล่าวต่อว่า ความมั่นคงทางเศรษฐกิจอย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่ต้องเป็น "ความมั่นคงเชิงบูรณาการ" คือการเชื่อมโยงนโยบายเศรษฐกิจและความมั่นคงเข้าด้วยกัน โดยชี้ว่าในยุคนี้การทำงานเพื่อแก้ปัญหาบ้านเมืองจะขาดคำว่าบูรณาการไม่ได้

การบูรณาการนี้เห็นได้ชัดในกลไกของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งไม่ได้มีเพียงทหารเท่านั้น แต่ยังประกอบด้วยกระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวงการคลัง, กระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะหากขาดส่วนใดส่วนหนึ่งไป จะไม่สามารถตัดสินใจในสิ่งที่สำคัญให้กับประเทศได้อย่างครอบคลุม

พร้อมกันนี้ นายกฯ ยังยกตัวอย่างการบูรณาการ 15 หน่วยงานเพื่อปราบปราม อาชญากรรมไซเบอร์/สแกมเมอร์ ซึ่งเป็นปัญหาระดับชาติที่กระทบคุณภาพชีวิตประชาชน โดยยืนยันว่าการต่างคนต่างทำจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้


นายกรัฐมนตรีได้ชี้ถึงความสำคัญของภาคเอกชน โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ที่เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังทางเศรษฐกิจ รัฐบาลจึงเร่ง "ปฏิรูปกฎหมาย" เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุน ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน, เศรษฐกิจดิจิทัล และพลังงานสะอาด โดยมอบหมายให้ ศ.กิตติคุณบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมายรับผิดชอบการทำ "กิโยตินทางกฎหมาย" เพื่อเร่งรัดให้เงินเข้าสู่ระบบ

ในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นายกรัฐมนตรีได้ย้อนถึงการประชุมผู้นำเอเปก โดยประกาศจุดยืนที่แข็งกร้าวว่า จากสถานการณ์ล่าสุด หากประเทศคู่เจรจาไม่ปฏิบัติตามปฏิญญาที่ได้ลงนามกันไว้ "ตนก็ต้องร้องเพลง My Way อย่างตน" และเน้นย้ำว่า "วันนี้ประเทศไทยต้องยึดผลประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนคนไทยเท่านั้น" พร้อมแนะให้ภาคเอกชนไม่พึ่งพาประเทศเดียว และเร่งสร้างศักยภาพให้ตนเอง


นายกรัฐมนตรีกล่าวทิ้งท้ายว่า สถาบัน วปอ. เป็นแหล่งรวมบุคลากรผู้ทรงคุณค่า และเครือข่ายนี้จะร่วมกันพัฒนาประเทศ พร้อมย้ำว่าต้องไม่มีการเมืองใน วปอ. ทุกอย่างต้องหลอมรวมเพื่อทำงานให้กับบ้านเมืองอย่างแท้จริง

สำหรับนักเรียน วปอ. รุ่น 68 มีจำนวน 299 คน อาทิ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดํา อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ, พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. และ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นต้น

TAGS: #อนุทิน #เขมร #กัมพูชา #ไทยกัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา