"ครม. อนุทิน 1" เตรียมเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฎิญาณ 24 กันยายนนี้ ด้าน จนท.ทำเนียบฯ ติดป้ายที่จอดรถประจำตำแหน่ง รอต้อนรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่แล้ว ขณะที่ "ธนกร" รมว. อุตสาหกรรม พร้อมทำงานเต็มที่
ภายหลังจากราชกิจจานุเบกษาประกาศ พระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี รัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โดย มีกำหนดการเตรียมที่จะเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฎิญาณ ก่อนเข้ารับหน้าที่ ในวันที่ 24 กันยายน 2568 สื่อทุกสำนักต่างทยอยเข้าทำเนียบรัฐบาล เกาะติดความเคลื่อนไหวคณะรัฐมนตรีชุดใหม่
โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายอาคารสถานที่ทำเนียบรัฐบาล นำป้ายตำแหน่ง มาติดไว้บริเวณที่จอดรถประจำตำแหน่งของของรัฐมนตรีแล้ว ส่วนบริเวณด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า และบริเวณโดยรอบ มีเจ้าหน้าที่ปรับปรุงภูมิทัศน์ เพื่อรอต้อนรับนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เป็นวันที่ 3
ขณะที่ นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ภายหลังมีราชกิจจานุเบกษา โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ส่วนตัวซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ขณะเดียวกันจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ โดยก่อนที่จะเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิสัตย์ปฏิญาณ ก่อนเข้ารับหน้าที่ ระหว่างนี้ตนเองได้เตรียมงานไว้เบื้องต้นแล้ว ซึ่งได้มีการพูดคุยกับทีมงาน โดยนโนบายส่วนหนึ่งจะเน้นแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ภาคอุตสาหกรรม ซึ่งระยะเวลาการทำงาน 4 เดือน คิดว่าภาคอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบในหลายด้าน เช่น การแก้ไขปัญหาผลกระทบจากสงครามการค้า มาตรการภาษีสหรัฐฯ ที่กระทบต่อเศรษฐกิจโลก ดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรม ต้องเร่งดำเนินการบรรเทาให้กับภาคการผลิต และการส่งออกอย่างเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็นการดูแลผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง หรือการป้องกันการทุ่มตลาด สกัดการสวมสิทธิ์สินค้า นอกจากนี้ ต้องวางรากฐานภาคเอกชน และอุตสาหกรรมปรับตัวสู่อนาคต ให้สอดรับกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งเกิดการแข่งขันสูง ดังนั้นต้องสร้างนวัตกรรมเพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมมีการปรับตัวก้าวทันโลกได้ เช่น การเสริมสร้างเอสเอ็มอีและผู้ประกอบการไทย ด้วยการสนับสนุนเทคโนโลยี หรืออุตสาหกรรมในอนาคต เช่น ดิจิทัลปัญญาประดิษฐ์ เซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี และอาหารแห่งอนาคต ชีวเศรษฐกิจ โดยทั้งหมดเป็นสิ่งที่ได้คิดไว้เบื้องต้นแล้ว
ส่วนนโยบายต่อเนื่อง เช่น การขับเคลื่อน BCG ก็จะสานต่อ รวมถึงนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมคนเก่า สิ่งใดที่ทำดีอยู่แล้วก็จะสานต่อ และจะทำให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะการปราบโรงงานเถื่อน กากอุตสาหกรรม หรือ สารพิษต่างๆ ก็จะเร่งดำเนินการ แม้ข้าราชการได้ดำเนินการอยู่แล้ว แต่จะเข้าไปกำกับให้มีความเข้มข้นมากขึ้น