กมธ.ศึกษา MOU 43-44 สว. เชิญ “เจ้ากรมแผนที่ทหาร” แลกเปลี่ยนความเห็นอังคารนี้ “สว.นพดล” เผยจะดูตั้งแต่ที่มายันเนื้อหา ปักปันเขตแดนอย่างไร เล็งลงพื้นที่จริงด้วย
นายนพดล อินนา ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิก MOU 2543 และ MOU 2544 เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา กล่าวถึงความคืบหน้าในการประชุม ว่า ในวันที่ 9 ก.ย. นี้ จะให้ทุกคนในที่ประชุมนำเสนอ ประสบการณ์ข้อเท็จจริง ข้อมูลต่างๆที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อให้ กมธ.ได้เข้าใจอย่างเท่าเทียมกัน
ที่สำคัญ กมธ. ได้เรียนเชิญเจ้ากรมแผนที่ทหารจะได้สรุปให้ฟังว่าทั้งหมดที่มีความเป็นมาเป็นไปอย่างไร ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันเป็น จะให้ กมธ.ได้ซักถาม แลกเปลี่ยนความรู้ข้อมูลซึ่งกันและกัน ถือเป็นการปูพื้นฐานทั้งหมด เพราะต้องยอมรับว่าข้อมูลของ MOU 2543 และ MOU 2544 มีตั้งแต่ 20-25 ปีแล้ว นานมาก ดังนั้น เราต้องหาข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่ เราอยากจะได้ข้อมูลทั้งหมดให้ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด เพื่อจะนำมาสู่การตัดสินใจต่อไปในอนาคต ตอนนี้เรายังบอกไม่ได้ว่าตัดสินใจดำเนินการไปในแนวทางไหน จนกว่าจะได้ข้อมูลทั้งหมด
"ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาก่อนดังนั้นต้องได้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน ครั้งที่แล้วมี กมธ.บางท่านเสนอว่าควรที่จะพิจารณาในกรอบ 2 กรอบ กรอบแรกคือการได้มาซึ่ง MOU 2543 และ MOU 2544 ได้มาอย่างไร ถูกต้องตามกฎหมาย ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ หรือระเบียบหรือไม่ ส่วนที่สอง เราจะมาดูเนื้อหาว่ามีประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนหรือไม่ ทั้ง 2 กรอบ ถ้าพิจารณาไปแล้ว ผมคิดว่าเป็นประโยชน์และจะได้วิเคราะห์ได้ว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง ผมเรียนในที่ประชุมว่าเราคงจะไม่ประชุมกันแต่ในห้อง หรือดูแค่เอกสารเท่านั้น ผมเรียนในที่ประชุมว่าถ้าเป็นไปได้ เราจะไปดูในพื้นที่จริงว่าที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2543 บางท่านได้บอกว่ามีการปักปันเขตแดนไปบ้างแล้วและบางส่วนยังไม่มีมีการตกลง เราอยากไปดูตรงนี้ และอีกส่วนหนึ่งของ MOU 2544 ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับทะเล ซึ่งเราก็อยากไปดูในพื้นที่จริงว่าที่เขามีข้อตกลงกัน ที่ลากผ่านแล้วเว้นเกาะกูดไว้อะไรพวกนี้ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง“ นายนพดล กล่าว
เมื่อถามว่าหากพบว่ามีข้อเสียเปรียบกับประเทศไทย จะดำเนินการอย่างไร นายนพดล กล่าวว่า คงต้องดูข้อมูลให้ครบถ้วนก่อน เอาข้อมูลมากางกันดู แล้วพินิจพิเคราะห์ว่าของไทยเราได้เปรียบเสียเปรียบอย่างไร ปัญหาอยู่ตรงไหน เพราะฉะนั้น ต้องรอดูก่อน
”ครั้งที่แล้วได้มีการขอเอกสารไป ได้ลงนามไปแล้ว เพื่อขอข้อมูลทั้งหมดจากกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด“ นายนพดล กล่าว
เมื่อถามว่ากังวลใจอะไรหรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า ไม่กังวลเลย เพราะดูอากัปกิริยาของ กมธ.ทั้งหมด รวมถึงตนด้วย ตนเข้ามาทำงานตรงนี้ ยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก อะไรทำไปแล้วไม่เกิดประโยชน์ เราต้องคิดให้หนักว่าจะคงอยู่หรือยกเลิก หรือจะแก้ไขอย่างไร เท่าที่ดูสังเกตแล้วทุกคนรักชาติ รักบ้านเมือง เราจึงอยากได้ข้อมูลทั้งหมด เมื่อได้ข้อมูลทั้งหมดแล้ว จะต้องให้ประชาชนทราบด้วยว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร พูดง่ายๆ อะไรที่ กมธ.รู้ ประชาชนก็ควรรู้ เพื่อมาช่วยกันในการช่วยกันตัดสินในอนาคตว่าการคงอยู่ของ MOU 2543 และ MOU 2544 จะเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนมากน้อยแค่ไหน