PDPC ขีดเส้นแดง “สแกนม่านตา” ต้องปลอดภัย! ย้ำข้อมูลชีวมิติเป็นข้อมูลอ่อนไหวขั้นสูง ชี้เป็นบททดสอบใหญ่ของ PDPA ไทย

PDPC ขีดเส้นแดง “สแกนม่านตา” ต้องปลอดภัย! ย้ำข้อมูลชีวมิติเป็นข้อมูลอ่อนไหวขั้นสูง ชี้เป็นบททดสอบใหญ่ของ PDPA ไทย
PDPC ชี้ชัด! ข้อมูลม่านตาเป็น “ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวขั้นสูง” ต้องได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้ง พร้อมเร่งออกมาตรการ 3 ขั้นคุมเข้มการเก็บ–ใช้–ทำลายข้อมูล

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC เรียกประชุมด่วนร่วมหน่วยงานรัฐและเอกชนหลายฝ่าย หลังเกิดกรณีการ สแกนม่านตาเพื่อแลกรับสินทรัพย์ดิจิทัล จนทำให้เกิดกระแสความกังวลในสังคมเกี่ยวกับความปลอดภัยของ ข้อมูลชีวมิติ (Biometric Data) ซึ่งถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวภายใต้กฎหมาย PDPA

 PDPC ย้ำ 3 มาตรการสำคัญ ต้องมี “หลักฐานชัดเจน”

ในการประชุมร่วมหน่วยงานรัฐ อาทิ ก.ล.ต., สอท., ปอท., กมธ.คุ้มครองผู้บริโภค และภาคเอกชน พร้อมศูนย์ PDPC Eagle Eye เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2568 ที่ผ่านมา ได้กำหนด “แนวทางปฏิบัติเข้มงวด” เพื่อป้องกันการนำข้อมูลชีวมิติไปใช้ในทางที่ผิด โดยแบ่งออกเป็น 3 ด้านหลัก ดังนี้:

  1. การจัดเก็บและทำลายข้อมูล:
    บริษัทต้องแสดงให้เห็นว่า ข้อมูลม่านตาจะถูกลบหรือทำลายทันทีเมื่อหมดวัตถุประสงค์ พร้อมส่งเอกสารยืนยันกระบวนการต่อ สคส.

  2. การควบคุมการรับจ้างสแกนม่านตา:
    เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้างจ้างสแกนม่านตา เพราะอาจเกี่ยวข้องกับเงินผิดกฎหมาย พร้อมขอให้บริษัทผู้ให้บริการรายงานหลักฐานเกี่ยวกับกรณีนี้

  3. ความโปร่งใสในการขอความยินยอม:
    ผู้ให้บริการต้องเปิดเผยข้อมูลอย่างครบถ้วนว่า ข้อมูลจะถูกใช้อย่างไร แปลงเป็นรหัสรูปแบบไหน มีการป้องกันข้อมูลอย่างไร และต้องได้รับ “ความยินยอมอย่างแท้จริง” จากผู้ใช้

เนื่องจาก หลักฐานในประเด็นการลบทำลายข้อมูลยังไม่ชัดเจน, ที่ประชุมจึงเสนอให้บริษัทชะลอการดำเนินการสแกนม่านตาไว้ก่อน จนกว่าจะสามารถแสดงหลักฐานพิสูจน์กระบวนการทำลายข้อมูลต่อสาธารณะอย่างโปร่งใส

 “เทคโนโลยีชีวมิติไม่ควรถูกใช้เพื่อละเมิดสิทธิ”

พ.ต.อ. สุรพงศ์ เปล่งขำ เลขาธิการ สคส. ระบุว่า การเก็บข้อมูลชีวมิติจะต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังสูงสุด เพราะเป็น “ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวระดับสูง” ที่หากรั่วไหลอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของสิทธิส่วนบุคคลในระยะยาว พร้อมชี้ว่า กรณีนี้ถือเป็น “บททดสอบสำคัญ” ของการบังคับใช้กฎหมาย PDPA ว่าจะสามารถปกป้องสิทธิประชาชนได้ท่ามกลางการเติบโตของเทคโนโลยีใหม่อย่าง Digital ID, AI-based KYC และ Blockchain-based Identity

“ทุกการเก็บข้อมูลชีวมิติ ต้องมีความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลอย่างแท้จริง และต้องไม่ถูกใช้ผิดวัตถุประสงค์”
— พ.ต.อ. สุรพงศ์ เปล่งขำ, เลขาธิการ PDPC

ความร่วมมือรัฐ–เอกชนคือกุญแจสำคัญ

กรณีนี้สะท้อนความจำเป็นในการมี “กลไกความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชน” ในการตรวจสอบและกำกับดูแลการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้สมดุลกับการคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคล เพื่อให้เทคโนโลยีสามารถเติบโตได้บนฐานของความน่าเชื่อถือและการเคารพสิทธิของประชาชน

 

 หากพบการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล หรือต้องการสอบถามข้อมูล

สามารถติดต่อ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.)
โทร. 02-111-8800 หรือ อีเมล: saraban@pdpc.or.th

TAGS: #PDPA #PDPC #ข้อมูลส่วนบุคคล #BiometricData #ม่านตา #DigitalPrivacy