แล้วเราจะ "รีเช็ตประเทศ" อย่างไร? เมื่อการเมืองติดหล่ม ระบบรัฐหมดพลัง

แล้วเราจะ
โดย ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์

โลกป่วน ไทยป่วย: ทำไมประเทศไทยต้อง “รีเซ็ต” เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
ในยุคที่โลกกำลังเข้าสู่ “Law of the Jungle” หรือกฎแห่งป่า ที่ซึ่งอำนาจ ความแข็งแรง และทรัพยากรเป็นตัวกำหนดอนาคตของชาติ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ ได้สะท้อนความจริงที่เจ็บปวดผ่านโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่ที่ไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีกต่อไป

โลกยุคใหม่ไม่ใช่โลกที่ขับเคลื่อนด้วย “หลักนิติธรรม” อีกแล้ว หากแต่เป็นสนามแข่งของมหาอำนาจที่ใช้ “อำนาจของผู้แข็งแรงที่สุด” เป็นเครื่องมือในการครองอำนาจและทรัพยากร สหรัฐฯ หวนคืนสู่เวทีโลกด้วยพายุการเมืองที่เขย่าโครงสร้างเดิมอย่างรวดเร็ว ขณะที่จีนและรัสเซียใช้กลยุทธ์แข็งกร้าวทางเศรษฐกิจ การทูต และสงครามในรูปแบบใหม่ เพื่อแสวงหาอิทธิพลสูงสุด ท่ามกลางสงครามเทคโนโลยีและการสลายตัวของศีลธรรมที่โลกกำลังเผชิญ

ทว่าในขณะที่โลกเคลื่อนไปข้างหน้า ประเทศไทยกลับ “อ่อน เปราะ และป่วย” โดยติดอยู่กับกับดักโครงสร้างเก่า ล้มแล้วไม่เรียนรู้ เสียแล้วไม่ซ่อม เสื่อมแล้วยังดันทุรังอยู่ต่อ ผู้นำยังติดอยู่กับอำนาจระยะสั้น ระบบราชการกลายเป็นเครื่องจักรบริหารความเสี่ยงส่วนตัว และชายแดนกลายเป็นจุดอ่อนให้ต่างชาติแทรกแซงอย่างง่ายดาย

ดร.สุวิทย์ได้วิเคราะห์สถานการณ์ของประเทศไทยใน 3 ฉากทัศน์หลัก ได้แก่

Worst Case — รัฐอ่อนแอในภูมิภาคที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและความรุนแรง ชายแดนลุกเป็นไฟ ประชาชนสิ้นศรัทธาในรัฐ และเกิดการไหลออกของผู้มีความรู้และทักษะ (Brain drain) ในระดับสูงสุด

Base Case — ประเทศไทยเอาตัวรอดแบบเปราะบางโดยไม่กล้าปรับโครงสร้างระบบจริงจัง เศรษฐกิจเติบโตช้า ผู้นำเปลี่ยนแต่ระบบไม่เปลี่ยน ความร่วมมือในภูมิภาคเป็นเพียงผิวเผิน

Best Case — ประเทศไทยฟื้นคืนสติ พลิกวิกฤตเป็นโอกาส ด้วยการเป็น “Moral Purpose-Driven State” มีผู้นำรุ่นใหม่กล้าหาญ กล้ารวมพลังข้ามรุ่น ข้ามฝ่าย ใช้วัฒนธรรม ภูมิรัฐศาสตร์ และทุนมนุษย์สร้างตำแหน่งใหม่บนเวทีโลก

คำถามที่ท้าทายคือ ประเทศไทยจะทนอยู่กับ “รัฐที่ล้มเหลวอย่างช้า ๆ” อีกนานแค่ไหน? และการรัฐประหารจะเป็นทางออกจริงหรือ?

ดร.สุวิทย์ชี้ว่า รัฐประหารเป็นเพียงทางลัดที่อาจนำไปสู่ “หุบเหว” มากกว่าการแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง เพราะจะทำลายความชอบธรรม ปิดพื้นที่เสรี และไม่แก้ไขโครงสร้างอำนาจเดิม ที่สำคัญยังทำให้ประเทศไทยสูญเสียภาพลักษณ์และโอกาสทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และความร่วมมือระหว่างประเทศ

ทางออกที่ยั่งยืน คือ “Soft Reset” หรือการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบที่เริ่มจากการสร้างฉันทามติใหม่ของชาติผ่านการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัย ภาคประชาสังคม นักธุรกิจคุณธรรม ข้าราชการรุ่นใหม่ และผู้นำทางจริยธรรม

“Soft Reset” ต้องเริ่มจากพลังภายนอกระบบ (Outside-In) เพื่อสร้างเวทีสาธารณะที่เปิดกว้างอย่าง “Thailand Reset Forum” ให้เป็นพื้นที่ถกอนาคตแบบไม่มีเงื่อนไข สร้างความร่วมมือข้ามรุ่น ข้ามฝ่าย และปลุกจินตนาการใหม่ของสังคมไทยให้กล้าเปลี่ยนแปลง

สุดท้าย ดร.สุวิทย์เน้นย้ำว่า “ประเทศไทยไม่ต้องรอวีรบุรุษจากไหน แต่ต้องลุกขึ้นร่วมกัน สร้างผู้นำที่มีศักดิ์ศรีของอนาคต” เพื่อทวงคืนอนาคต และพลิกวิกฤตโลกป่วนให้กลายเป็นโอกาสของชาติไทยอย่างแท้จริง

TAGS: #สุวิทย์ #รีเช็ตประเทศ #การเมืองติดหล่ม #ระบบรัฐ #LawoftheJungle #TheBetter