“บิ๊กเล็ก”ซัด "กัมพูชา"ไม่จริงใจหยุดยิง รับ"เขมร"มีอาวุธหนักยิงระยะไกล

“บิ๊กเล็ก”ซัด
“บิ๊กเล็ก” ชี้ ”กัมพูชา“ ไม่จริงใจหยุดยิง พบยิงตั้งแต่เช้ามืด หลังรับปาก“ทรัมป์”  โยน กต.พิจารณาฟ้อง ฮุนเซน เป็นอาญชากรรมสงคราม ย้ำ กองทัพเสียใจเขมรเล็งเป้าหมายพลเรือน รับ กัมพูชามีอาวุธหนักยิงระยะไกล

พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เผยถึง สถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประสานกระทรวงการต่างประเทศให้ ทั้ง 2 ประเทศ หยุดยิง แต่ทั้ง 2 ประเทศ ยังไม่มีการหยุดยิง ว่า ปฎิบัติการของทางกัมพูชาทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน  ซึ่งศบ.ทก.จะเป็นผู้สนับสนุนปฏิบัติการทางทหาร  เมื่อคืนนี้ตนได้ร่วมประชุมกับ ประธานาธิบดีสหรัฐ  ซึ่งฝ่ายรัฐบาลไทยต้องฟังเสียงประชาชน เรามีกลไกมีรัฐบาล ไม่สามารถตอบได้ทันที คนที่อยู่ในวงจำนวนไม่มาก อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย  นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ  และ นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และตน  ซึ่งเราจะดำเนินการได้แต่ขอให้เป็นไปตามกลไกตามกระบวนการของประเทศไทย เพราะไทยปกครองระบอบประชาธิปไตย เราฟังเสียงประชาชน เรามีกลไกรัฐบาล เราต่างจากกัมพูชา เพราะกัมพูชาปกครอง โดย คน 2 คน 3 คน จะไม่สามารถตอบได้ว่า Yes หรือ No เราต้องหารือรัฐบาลก่อน และที่สำคัญอย่างยิ่งเราต้องฟังเสียงประชาชนด้วย 

เมื่อคืนนี้ นายภูมิธรรม ได้ทวิตผ่าน X เพื่อฟังเสียงประชาชน ในฐานะรัฐบาล ศบ.ทก.ได้ติดตามสถานการณ์อยู่ ในขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมด้วยเป็นตัวเชื่อมระหว่างกองทัพกับรัฐบาล ตนจะทราบข้อมูลทั้งสองทางเมื่อประชุมรัฐบาลก็จะมีข้อมูลกองทัพไปแต่เมื่อกลับไปคุยกับกองทัพก็มีนโยบายของรัฐบาลไปกำหนดกรอบไว้ให้ ซึ่งปัจจุบันนโยบายรัฐบาลอย่างเดียว คือปกป้องอธิปไตยและสนับสนุนกองทัพเต็มที่ 

พลเอกณัฐพล ยังย้ำว่า ประเทศไทยมีกลไกของรัฐบาลในการดำเนินการ ที่ต้องเป็นทางการ ไม่ใช่เป็นการส่วนตัว เราต้องฟังเสียงประชาชน เชื่อว่าไม่นานจะคลี่คลาย เพราะสังคมโลกจับตาดูอยู่ ว่าไทยมีความจริงใจหรือไม่ และไทยมีความจริงใจที่จะเจรจาหยุดยิง แต่ หารือกับรัฐบาลให้รอบคอบ และฟังเสียงประชาชน  

พลเอกณัฐพลยังระบุว่า  การยิงของกัมพูชาช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา สะท้อนว่ากัมพูชามีความจริงใจหรือไม่ ซึ่งหากตนเองเป็นกองทัพก็จะไม่มีความสบายใจ ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2  ครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ที่กัมพูชาถอนกำลังจากต้นพญาสัตตบรรณแต่ได้วางกับระเบิดไว้ นั่นคือสิ่งที่ไทยไม่สบายใจ เพราะเป็นการแสดงความไม่จริงใจของกัมพูชา  และไทยมีความจริงใจแน่นอนที่จะหยุดยิง เพราะเรามีความเป็นห่วงประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดน 

”เราไม่คิดว่ารัฐบาลกัมพูชาจะไม่ปฏิบัติตามกฏหมายระหว่างประเทศ อนุสัญญาเจนีวา อนุสัญญาออตตาวา และหลักขาดหลักมนุษยธรรม
และไม่คิดว่าในปี 2025 จะมีกองทัพ ประเทศในโลกปฏิบัติในลักษณะเช่นนี้ “ 

พลเอกณัฐพล ยังกล่าวว่าตนเคยพูดว่าผลกระทบในครั้งนี้จะร้ายแรงกว่าปี 2554 ในฐานะที่ตนเคยเป็นเจ้ากรมยุทธการทหารบก ที่ได้ประเมินสถานการณ์ต่างๆไว้ รวมถึงผลกระทบ พร้อมย้ำว่าการประทะครั้งนี้ผลกระทบจะรุนแรงกว่าปี 2554 แต่เมื่อเกิดแล้วก็จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาในปัจจุบัน โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดกับประชาชน

ส่วนข้อเสนอให้ยื่นฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ICC ต่อนายฮุนเซน ว่าเป็น อาชญากรรมสงคราม พลเอกณัฐพล บอกว่าขอให้เป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ใช่ในกรอบของกระทรวงกลาโหม เราแบ่งงานกัน ปกติกองทัพเราพร้อมปฏิบัติตามกรอบนโยบายต่างประเทศของรัฐบาล แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจ

เมื่อถามว่าอะไรที่ทำให้มั่นใจว่ากัมพูชามีความจริงใจในการเจรจา เพราะที่ผ่านมาไม่มีอะไรมั่นใจได้เลย พลเอกณัฐพลกล่าวว่า ในมิติด้านการทหารถ้ากัมพูชาหยุดยิงเป็นเวลาสักระยะหนึ่ง  แต่กลับเพิ่งคุยกับ ประธานาธิบดีสหรัฐ ฯ ตอนห้าทุ่ม แต่เมื่อตอน02.00 น.ก็เริ่มยิงอีกครั้ง ซึ่ง ทางการทหารมองว่า ไม่จริงใจ  ซึ่งวันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของไทยและกัมพูชาจะได้มีการพูดคุยกัน ซึ่งตนได้มีการรายงานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยว่าทางกัมพูชาได้มีการยิงประเทศไทยในเวลา 02:00 น. 

“สิ่งที่กองทัพรู้สึกเสียใจ คือ เป็นเป้าหมายพลเรือน เพราะเขาไม่สนใจ มีกระสุนปืนใหญ่ตกไป 3 นัด แต่โชคดีที่กระทรวงมหาดไทยอพยพประชาชนออกไปแล้ว เบื้องต้นไม่ได้รับรายงานการสูญเสีย แต่ก็เสียใจ  และทำให้ความไว้วางใจตอนนี้ยังไม่มี ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้เรียนแจ้ง นายภูมิธรรมและนายแพทย์พรหมินทร์ไปเรียบร้อยแล้ว ว่าได้ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดูแลทรัพย์สินของประชาชน  เพื่อประชาชนจะได้ไม่ต้องเป็นกังวล“

เมื่อถามว่า กัมพูชามีอาวุธหนักยิงระยะไกลกว่า 100 กิโลเมตร มีความกังวลหรือไม่หากจะมีการใช้อาวุธดังกล่าวและจะมีผลกระทบในวงกว้าง   พลเอกณัฐพล ยอมรับว่ามีความกังวล  กังวลมานานแล้ว เพราะบอกประชาชนมานานแล้วว่าเราทราบ ที่ผ่านมาไม่อยากพูดประเด็นนี้ กลัวจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ และตำหนิ แต่ในสถานการณ์แบบนี้ เราต้องบอกความจริงกัน ที่ผ่านมากองทัพถูกตัดลดงบประมาณ ในการจัดซื้อ อาวุธยุทโธปกรณ์ ซื้อเท่าที่จำเป็น  อาวุธที่ใช้ในการรุกรานจะไม่ซื้อ จะซื้ออาวุธที่ใช้ในการป้องกันรักษาอธิปไตยเท่านั้น ซึ่งไทยมีอาวุธที่ใช้ในการรุกรานเพียงจำนวนหนึ่ง แต่ไม่มาก แต่ของกัมพูชา มี 6 ระบบ ซึ่งเป็นสิ่งที่กองทัพจะต้องมาทบทวนในเรื่องนี้  ต้องคุยกับรัฐบาลว่าหลังจากนี้ ต้องขอความกรุณาประชาชนและความเห็นใจให้กับกองทัพ แต่ไม่ใช่ว่าพอ ขอความเห็นใจจากประชาชนแล้วจะจัดหาแบบกอบโกยก็ไม่ได้  ยืนยัน ว่าในช่วงที่ทำหน้าที่อยู่จะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นเป็นอันขาด

TAGS: #กัมพูชา #กัมพูชายิงก่อน #เขมร #ชายแดนไทยกัมพูชา #ไทยกัมพูชา