"ภูมิธรรม" มั่นใจรัฐบาลถอนร่างเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ราบรื่น ปัดไทยต้องเดินตามจีน ชี้การตัดสินใจยึดเหตุผล ไม่ใช่การเมือง โต้ "อนุทิน"ปมกาสิโนฉุดท่องเที่ยว
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เผย กรณีที่วิปรัฐบาลเตรียมเสนอถอนร่างพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ออกจากระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า กระบวนการถอนร่างกฎหมายดังกล่าวน่าจะเป็นไปอย่างราบรื่น เพราะก่อนหน้านี้ขณะเสนอก็มีเสียงทักท้วงจำนวนมาก และเมื่อจะถอนออกก็ไม่น่ามีปัญหาใดๆ
เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิด "ตลบหลัง" หรือไม่ เนื่องจากเสียงของรัฐบาลขณะนี้ถือว่า "ปริ่มน้ำ" นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ได้รู้สึกกังวล เพราะการตัดสินใจครั้งนี้ไม่ได้อยู่บนฐานของการเมือง แต่ตั้งอยู่บนเหตุผลและความเหมาะสม และขณะนี้รัฐบาลก็ต้องเผชิญกับประเด็นสำคัญหลายเรื่อง ทั้งกรณีภาษีนำเข้าสหรัฐฯ จึงจำเป็นต้องจัดลำดับความสำคัญ
“ตอนเสนอเข้าสภาก็มีความอึดอัดใจอยู่แล้ว เมื่อถอนออกก็ย่อมเบาใจขึ้น เว้นเสียแต่จะมีการเมืองเข้ามาแทรกแซง” นายภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถูกถามย้ำว่ากังวลหรือไม่ว่าจะมีพรรคร่วมบางพรรค “เล่นเกมการเมือง” นายภูมิธรรม กล่าวว่า หากมองกันเช่นนั้น ก็จะไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ พร้อมย้ำว่า รัฐบาลต้องทำงานด้วยความเชื่อมั่น และเชื่อว่าทุกพรรคเข้าใจบทบาทของตนดี
ส่วนกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โพสต์แสดงความเห็นว่านโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ของรัฐบาล เป็นสาเหตุให้นักท่องเที่ยวจีนลดลงและกระทบการลงทุนจากจีน นายภูมิธรรมได้ตอบโต้ว่า “ตกลงเราต้องฟังจีนหรือ? ทำไมต้องฟังจีนทุกเรื่อง? เราต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศตนเอง และมีการบาลานซ์ความสัมพันธ์ ไม่ใช่ว่าจีนพูดอะไรแล้วเราต้องทำตาม ไม่เช่นนั้นอธิปไตยไทยก็คงไม่เหลือ”
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า จีนเองก็ควรต้องอธิบายเช่นกัน หากแสดงท่าทีในลักษณะนั้น พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าคำกล่าวอ้างของนายอนุทินควรมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง เช่น ผลกระทบจากนักท่องเที่ยวจีนมีอยู่จริงหรือไม่ และควรอ้างอิงจากข้อมูลของนักวิชาการ ไม่ใช่การโยงประเด็นโดยไร้หลักฐานชัดเจน
ในส่วนที่นายอนุทินระบุว่า จุดแตกหักระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับรัฐบาลเกิดจากความเห็นต่างเรื่องกาสิโน นายภูมิธรรมกล่าวสั้นๆ ว่า “ไม่ทราบ ต้องไปถามคุณอนุทินเอง เพราะตอนที่ทำงานร่วมกัน เห็นมีประเด็นอื่น ไม่ใช่เรื่องนี้”