ศบ.ทก. ขอประชาชนมั่นใจ แม้ปรับ ครม. พร้อมทำหน้าที่ต่อ ตามมติ สมช. มอบอำนาจพิจารณายกระดับ - ผ่อนปรนมาตรการได้ตามสถานการณ์ เตรียมประชุมเจบีซี ก.ย.2568 "ฮุน มาเนต" ลั่นไม่เปิดด่านไม่เจรจา
พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย และ นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ประจำวันพุธที่ 2 กรกฎาคม 2568 โดยพลเรือตรีสุรสันต์ กล่าวว่า การดำเนินการของศบ.ทก.จะยังดำเนินการอย่างต่อเนื่องไม่หยุด แม้จะมีการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี โดยมติสภาความมั่นคงแห่งชาติครั้งที่ 5/2568 เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ที่ผ่านมาเรื่องมาตรการรองรับสถานการณ์ความมั่นคงในพื้นที่บริเวณชายแดนไทยกัมพูชา ได้มีมติ 4 ข้อ คือการรับทราบผลการปฏิบัติของศบ.ทก.ในการควบคุมพื้นที่ใช้แดนไทยกัมพูชา พร้อมกับให้ความเห็นชอบกำหนดงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติสมช.อาทิมาตรการควบคุมและผ่อนปรนบุคคลยานพาหนะสินค้า รวมทั้งมาตรการบรรเทาผลกระทบต่างๆ รวมไปถึงการเห็นชอบการขยายมาตรการควบคุมจุดผ่านแดนประเภทต่างๆ ให้ครอบคลุมทั้งการจำกัดและการผ่อนผันบุคคลยานพาหนะและสินค้าที่ผ่านเข้าออกจุดผ่านแดน และมอบหมายให้ ศบ.ทก.เป็นกลไกหลักในการพิจารณา ยกระดับหรือผ่อนปรนมาตรการ รองรับสถานการณ์ความมั่นคงในบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ภายใต้กรอบแนวทางที่รัฐบาลหรือสภาความมั่นคงแห่งชาติ กำหนดให้เหมาะสมกับสถานการณ์
พร้อมย้ำว่าศบ.ทก.ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหรือเป็นองค์กรที่รับผิดชอบในเรื่องการพิจารณากำหนดมาตรการต่างๆไม่ว่าจะเป็นการยกระดับหรือผ่อนปรน ถ้าสถานการณ์คลี่คลายในการที่ดีขึ้นก็มีอำนาจในการผ่อนปรนมาตรการต่างๆได้เช่นกัน ขอให้ความเชื่อมั่นกับประชาชนว่าถึงแม้ว่าในสถานการณ์ที่เราอาจจะมีการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีในปัจจุบันการดำเนินการเรื่องการแก้ไขปัญหาตามสถานการณ์ชายแดนไทย- กัมพูชาศบ.ทก. มีอำนาจในเรื่องของการพิจารณาดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
พลเรือตรีสุรสันต์ ยังระบุอีกว่า กิจกรรมการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากกรณีสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาที่ผ่านมา ได้มีการทำมาเยอะจริงจัง ในวันที่ 2 และ 4 กรกฎาคม 2568 สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสระแก้ว เชิญชวนประชาชนเป็นกำลังใจสนับสนุนสินค้าเกษตรกรของชาวสระแก้ว ณตลาดนัดดอกแก้ว ศาลากลางจังหวัดสระแก้วเพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความมั่นคงตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ขณะที่พื้นที่จังหวัดตราดมีการจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้าอัตลักษณ์จังหวัดตราดภายใต้ชื่อตลาดช็อปเพลิน เดินชิล เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประชาชนผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบโดย ถึง 4 กรกฎาคมนี้ บริเวณศาลากลางจังหวัดตราด
ด้านนางมาระตี ระบุว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มารับรายงานหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่เรื่องการบริหารจุดผ่านแดน ซึ่งในขณะนี้ส่วนใหญ่ยังคงเป็นไปอย่างเรียบร้อย โดยในงานในพื้นที่ มีคนที่ฝ่ายไทยอนุโลมให้พันเข้าออก หลายร้อยคน ก่อนย้ำว่าไม่ว่าในหลายวันที่ผ่านมายังคงมีการรายงานข่าวและการกล่าวหาฝ่ายไทยว่าปิดด่านฝ่ายเดียว ไม่ว่าจะเป็นในสังคมออนไลน์หรือการรายงานข่าวสื่อฝ่ายกัมพูชา นำมาสู่การเงื่อนไขไม่เปิดด่านฝั่งตน ยืนยันว่าฝ่ายไทยไม่ได้มีการปิดด่านแต่เพิ่มความเข้มงวดสำหรับคนผ่านแดน ของทั้ง 2 ประเทศ โดยจะมีการปรับมาตรการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ด้านความมั่นคงและความจำเป็นในแต่ละพื้นที่ ขณะนี้ฝ่ายไทยยังคงอนุโลมการผ่านแดนจะเป็นไปตามความจำเป็นด้านมนุษยธรรม ซึ่งหลักฐานในเชิงประจักษ์
นางมาระตี ยังระบุว่า รัฐบาลและ ศบ.ทก.กำลังติดตามเพื่อบริหารผลกระทบของผู้ประกอบการที่มีการจ้างแรงงานต่างชาติชาวกัมพูชา เกษตรกรและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการการบริหารจุดผ่านแดน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประสานงานกันมาโดยตลอด และล่าสุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ 1 กรกฎาคม นายกรัฐมนตรีสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งการดำเนินการ ทั้งมาตรการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรที่ผิดกฎหมายบริเวณชายแดน ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาสินค้าเกษตรของไทยนั้นตกต่ำ รวมไปถึงมาตรการให้กระทรวงแรงงานเร่งพิจารณามาตรการผ่อนผันการทำงานของแรงงานกัมพูชาในพื้นที่ชายแดน และให้กระทรวงมหาดไทย เร่งออกประกาศรองรับมาตรการให้เหมาะสม สอดคล้องกับหลักมนุษยธรรม และไม่กระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชน ในพื้นที่ขอให้ทุกคนมั่นใจว่าประชาชนในพื้นที่เป็นส่วนสำคัญที่สุดในทุกการประชุมและบทสนทนา ก่อนย้ำว่าการดำเนินการทุกอย่างของรัฐบาลไทยมีกระบวนการขั้นตอนและการประสานงาน ผ่านการพิจารณาจากข้อมูลที่ได้รับจากหน่วยงานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ อย่างโปร่งใสและมีความรับผิดชอบโดยยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ
ขณะที่เรื่องการดำเนินการเรื่องการต่างประเทศนางมาระตีกล่าวว่าที่ประชุมรับทราบเกี่ยวกับการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่นกระทรวงกลาโหม ในช่วงนี้จะยังคงเป็นไปตามท่าทีเดิม ความตึงเครียดและประเด็นปัญหาเกี่ยวกับชายแดนในปัจจุบัน ควรที่จะได้รับการแก้ไขตามกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ระหว่างกันของทั้งสองฝั่ง รวมไปถึงคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมหรือ JBC ซึ่งจะมีการประชุมร่วมกันในเดือนกันยายนที่จะถึง ส่วนกลไกอื่นๆที่เกี่ยวข้องคณะกรรมการชายแดนทั่วไปหรือ GBC และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค หรือ RBC ตลอดจนเวทีทวิภาคี ถ้าทีนี้เป็นท่าทีที่กระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงกับหลายๆประเทศ ที่กำลังติดตามสถานการณ์และประเด็นความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา
นางมาระตี ยังย้ำถึงการแสดงออกของคนไทยผ่านสังคมออนไลน์ที่ถูกสื่อกัมพูชานำเสนอ ไทยยึดหลักสิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นบนพื้นฐานของหลักประชาธิปไตย โดยบุคคลต่างๆในสังคมไทยย่อมแสดงความคิดเห็นได้เท่าที่อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายและเป็นไปอย่างสันติ และหากมีความผิดพลาดคลาดเคลื่อนเกิดขึ้น ข้อย่อมต้องรับผิดชอบต่อการแสดงออกนั้น
"สมเด็จฮุน มาเนต" ลั่นไม่เจรจากับไทยหากยังไม่เปิดด่าน
ขณะที่สำนักข่าว Khmer Times ของกัมพูชารายงานว่า นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวเมื่อวานนี้ (1 ก.ค.) ขณะไปร่วมงานวันประมงแห่งชาติที่จังหวัดตาแก้วว่า กัมพูชาจะไม่ยอมเจรจากับไทยเพื่อลดความขัดแย้งพรมแดน ตราบใดที่ไทยยังไม่ยอมเปิดด่านทั้งหมดตามปกติ การแก้ไขสถานการณ์ขณะนี้ขึ้นอยู่กับฝ่ายไทย เนื่องจากไทยเป็นฝ่ายปิดด่านก่อน ทำให้กัมพูชาต้องตอบโต้ในแบบเดียวกัน แต่หากไทยยอมเปิดจุดผ่านแดนทั้งหมดอย่างครบถ้วน กัมพูชาก็จะยอมร่วมเจรจาระหว่างผู้นำกองทัพเกี่ยวกับการลดกำลังทหาร แต่หากปล่อยให้สถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ก็ไม่สามารถจะบรรลุความไว้วางใจระหว่างกันได้
ผู้นำกัมพูชายังได้ตำหนิฝ่ายไทยว่า มีความคลุมเครือและมีความไม่สอดคล้องกันระหว่างฝ่ายนโยบายและฝ่ายปฏิบัติ ประกอบกับขาดการประสานงานกันระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ ปัญหาเหล่านี้ล้วนเป็นอุปสรรคต่อการหาทางแก้ปัญหาที่ชัดเจน น่าเชื่อถือ และมีความยั่งยืน โดยยกตัวอย่างเรื่องการปิดด่านว่า รัฐบาลไทยสั่งการอย่างหนึ่ง แต่ทหารกลับปฏิบัติอีกอย่างหนึ่ง
ทั้งนี้ นายฮุน มาเนต ยังได้ส่งข้อความไปยังสื่อไทยที่กล่าวหากัมพูชาว่าปฏิบัติไม่ดีต่อคนไทย กรณีที่มีรายงานว่ามีรถยนต์ของคนไทยตกค้างอยู่ในฝั่งกัมพูชาตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายนว่า กัมพูชาได้ยืนยันอย่างชัดเจนแล้วว่าไม่มีรถยนต์ของไทยตกค้างอยู่ในกัมพูชา อีกทั้งยังปฏิเสธข้อกล่าวหาของไทยที่ว่า กัมพูชาแทรกแซงการเมืองไทย โดยเฉพาะเรื่องการปล่อยคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชากับ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย ตามด้วยการที่ นายฮุน เซน วิจารณ์ตระกูลชินวัตรต่อสาธารณชน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาระบุว่า การจะปลดหรือแต่งตั้งใครในทางการเมืองของไทยเป็นเรื่องภายในของไทย ไม่เกี่ยวกับกัมพูชา แต่หากมีปัญหากระทบถึงกัมพูชา กัมพูชาก็จำเป็นต้องตอบโต้