"บิ๊กเล็ก" เตรียมประชุมทีมไทยแลนด์ทุกวัน รับมือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยอมรับประชุม RBC ล้ม “กัมพูชา”ขอเลื่อนไม่มีกำหนด ปอยเปตไฟดับไม่เกี่ยวไทยตัดไฟ ไทยมุ่งเน้นแต่สันติวิธี
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะหัวหน้าทีมไทยแลนด์ เปิดการประชุมเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา "ศบ.ทก" เผยภายหลังการประชุมนัดแรกหลังมีการแต่งตั้งคณะกรรมการว่า จะเป็นการบูรณาการและขับเคลื่อนงานระยะสั้น ติดตามและให้ข้อเสนอแนะงานระยะยาว ซึ่งที่ประชุมจะทำหน้าที่แก้ไขปัญหาหากเกิดเหตุการณ์ในระยะสั้น ส่วนระยะยาวนั้นจะเป็นการสนับสนุนกระบวนการเจรจาแบบทวิภาคี และติดตามกระบวนการศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ทำหน้าที่สนับสนุนหากได้รับการร้องขอจากกระทรวงการต่างประเทศ โดยจะมีการประชุมทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ ในช่วงเวลา 09.30 น. ยกเว้นวันอังคารที่จะมีการประชุมในเวลา 13.30 น. และหลังการประชุมจะมีการแถลงข่าวและมีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ NBT เพื่อสื่อสารตรงไปยังประชาชน
สำหรับการสื่อสารในครั้งนี้จะทันต่อสถานการณ์หรือไม่นั้น พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า กระบวนต่างๆได้มีการคิดไว้แล้วหลังจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ มีความเห็นชอบ เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.2568 หลังจากนี้หากมีความเห็นชอบเพิ่มเติมจะส่งให้นายกรัฐมนตรี เพื่อลงนามให้ความเห็นชอบได้ทันที แต่ถ้าหากมีเรื่องไหนที่จะต้องเข้าในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และที่ประชุม สมช.ก็จะเป็นงานอีกระดับหนี่ง แต่ส่วนใหญ่ที่ประชุม สมช.นั้น ได้พิจารณาให้อำนาจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไว้หมดแล้ว
สำหรับการประชุมชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 27-28 มิ.ย.นี้ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ทางกัมพูชาได้แจ้งมาว่าขอเลื่อนการประชุมไปก่อน โดยที่ไม่ได้แจ้งเหตุผล ย้ำว่าการพูดคุยระหว่างไทยกับกัมพูชา เป็นการพูดคุยทุกระดับทั้งระดับรัฐบาล กองทัพ และนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงระดับกระทรวง ซึ่งการประชุม RBC ประธานที่ประชุมเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งไม่ใช่ว่าแม่ทัพภาคที่ 2 จะไปคุยกับแม่ทัพภาคที่ 4 ของกัมพูชาได้เลย ทั้งหมดจะต้องผ่านการพูดคุยของรัฐบาลทั้งสองฝ่ายแล้ว ดังนั้นทีมไทยแลนด์ มีหน้าที่ในการช่วยสนับสนุน การหารือ เช่น ให้นายกรัฐมนตรีทำการติดต่อกับผู้นำระดับสูงของกัมพูชา ซึ่งในการประชุม RBC มีเรื่องเดียว คือการปรับกำลังกองทัพ
ส่วนที่ทางกัมพูชาได้ขอเลื่อนการประชุมไปนั้น เป็นการแสดงถึงท่าทีไม่ต้องการเจรจาในระดับทวิภาคีหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า จริงๆ แล้วอาจจะเกิดขึ้นจากความไม่เข้าใจกัน มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเพราะว่าการสื่อสารฝั่งไทยให้เสรีภาพกับทุกภาคส่วน จนทำให้กัมพูชาเกิดความสับสนว่าข่าวใดมาจากรัฐบาล ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มีการสื่อสารกลับไปแล้วว่าผู้บริหารควรฟังจากปากผู้บริหาร จึงจำเป็นต้องใช้ช่องทางหลักจากการแถลงข่าวของศูนย์นี้ เพื่อป้องกันความสับสนของประชาชนคนไทยที่มีผลกระทบไปถึงฝั่งกัมพูชาด้วย
สำหรับสถานการณ์ชายแดนไทย -กัมพูชาล่าสุดที่กองกำลังบูรพาได้ออกมาตรการห้ามคนไทยข้ามไปทำงานในบ่อนฝั่งกัมพูชานั้น ล่าสุดสถานการณ์ที่หน้าด่านเป็นอย่างไร พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงาน เพราะวันนี้เป็นวันแรกในการยกระดับความเข้มข้น ซึ่งจริงๆแล้วกองกำลังบูรพาได้รับการตอบรับจากฝั่งกัมพูชาในบางจุดของกองกำลังป้องกันชายแดน จ.จันทบุรี และจ.ตราด ที่มีการปิดด่านไม่ให้รถขนส่งผักและผลไม้ของไทยเข้าไปได้ แต่รถขนส่งของกัมพูชาข้ามมายังไทยได้ พื้นที่จึงออกมาตรการดังกล่าวเพื่อตอบโต้กับกัมพูชา ซึ่งเป็นอำนาจที่ของ สมช.อยู่แล้ว หลังจากนี้ทีมไทยแลนด์ จะทำหน้าที่เป็นผู้ประสานถึงมาตรการการตอบโต้กลับ
ส่วนกรณีชายแดนด่านคลองลึก อ.อรัญประเทศ-ปอยเปต ที่ทางฝั่งกัมพูชา มีการตัดไฟจากสายไฟประเทศไทย ไปใช้สายไฟของเวียดนามแทน พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า เบื้องต้นประเทศไทยจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่เรายืนยันจะไม่ใช้มาตรการ ตาต่อตาฟันต่อฟัน ซึ่งจะทำให้แนวทางสันติวิธีที่กระทรวงการต่างประเทศที่ได้ขอมานั้นไม่เกิดผล เราจะต้องพิจารณาถึงผลกระทบต่อประชาชนตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ซึ่งทั้งคนจาก 2 ประเทศเราจะพิจารณาให้รอบคอบ ส่วนที่มีการตัดไฟของเขาเองคนกัมพูชาก็ได้รับผลกระทบ ส่วนใครจะได้รับประโยชน์จากการใช้ไฟฟ้าของเวียดนามก็เป็นเรื่องของกัมพูชา ยืนยันว่าประเทศไทยไม่ได้มีคำสั่งตัดไฟฟ้า ทั้งในระดับนโยบายไม่มีแน่นอน รัฐบาลไม่มีคำสั่งให้มีการตัดน้ำตัดไฟ ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่กระแสข่าวที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด เพราะเดิมเป็รมาตรการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กำหนดไว้ว่าจะมีการตัดไฟในบางจุดเท่านั้น
เมื่อถามว่าสมเด็จฮุนเซน ได้ออกมาแฉถึงนักการเมืองไทยบางคนที่เคยหลบหนีเข้ามาในกัมพูชา ในช่วงรัฐประหาร พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพราะตนเป็นฝ่ายรัฐบาล ขอให้ไปถามผู้ที่เกี่ยวข้องผู้ได้รับผลกระทบ รวมถึงไปถามสมเด็จฮุนเซน เอง
เมื่อถามว่าฝั่งกัมพูชายืนยันว่าได้หันปากกระบอกปืนมาที่ประเทศไทย เป็นขั้นตอนของการป้องกันมาตุภูมินั้น พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ถูกแล้ว เพราะประเทศไทยก็หันปากกระบอกปืนไปที่กัมพูชาเหมือนกัน
ในช่วงท้ายของการแถลงข่าว พล.อ.ณัฐพล แสดงความคิดเห็นกับสื่อมวลชนว่า ในอนาคตจะมีการจัดเวทีสัมมนาโดยประสานงานกับสมาคมสื่อมวลชน เพื่อเชิญนักวิชาการมาแลกเปลี่ยนถึงการแก้ไขปัญหาระหว่างไทยและกัมพูชา ว่าตอนนี้มุมมองความคิดเห็นไปคนละทิศคนละทาง ทำให้รัฐบาลทำงานลำบาก เพราะประชาชนมีความเชื่อต่อนักวิชาการ พอรัฐบาลทำงานไปตามแนวนักวิชาการคนอื่นก็ถูกต่อว่า ดังนั้นจึงอยากได้ความคิดเห็นจากนักวิชาการหลายๆคนมาเป็นข้อสรุปเพื่อเป็นทิศทางเดียวกัน ซึ่งหากได้ข้อสรุปก็จะนำมาเป็นแนวทางในการทำงานต่อไป
เปิดกรอบอำนาจหน้าที่ ศบ.ทก.เน้นเสนอแก้ปมชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อ สมช.-นายกฯ
ทั้งนี้ในการประชุม ครม. วันนี้ นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้จัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา เรียกย่อๆ ว่า "ศบ.ทก." โดย ศบ.ทก. มีอำนาจหน้าที่ติดตาม ตรวจสอบ วิเคราะห์การกรองและประเมินสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างใกล้ชิด ให้ความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับมาตรการที่จำเป็น เพื่อประโยชน์ในการบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดน ต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรี แล้วแต่กรณีเพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจหน้าที่ต่อไป
บูรณาการปฎิบัติงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ให้มีความเป็นเอกภาพ และเป็นศูนย์กลางเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันต่อสาธารณะชน
แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทำงาน หรือมอบหมายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนการปฎิบัติหน้าที่ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
รายงานผลการปฎิบัติงานและการบริหารสถานการณ์ชายแดน ต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรี แล้วแต่กรณีเพื่อทราบเป็นระยะ
ดำเนินการอื่นใดตามที่นายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรี มอบหมาย
ทั้งนี้ การดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจให้คำนึงถึงความมุ่งหมายที่จะแก้ไขความตึงเครียด และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดน ให้กลับสู่ภาวะปกติ เคารพซึ่งกันและกันในเอกราช อธิปไตย ความเสมอภาค บูรณภาพแผ่นดิน และเอกลักษณ์ของทั้งสองประเทศ โดยปราศจากการแทรกแซงของประเทศที่สาม หรือองค์กรระหว่างประเทศทั้งปวง
ขณะเดียวกัน เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ ให้ผู้อำนวยการศูนย์ รายงานต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อทราบและมีคำสั่งยกยกเลิกคำสั่งนีี้