สว.เปิดเกมยื่นซักฟอกรัฐบาลแทนหลังไม่ยอมเปิดสภาวิสามัญถกปมกัมพูชา

สว.เปิดเกมยื่นซักฟอกรัฐบาลแทนหลังไม่ยอมเปิดสภาวิสามัญถกปมกัมพูชา
"วุฒิสภา"พลิกเกมขอเปิดเวทีซักฟอกรัฐบาลปมพิพาท "ไทย-กัมพูชา"ตามมาตรา 153 หลังรัฐบาลปฏิเสธไม่เปิดสภาวิสามัญตามที่ส.ว.เสนอ

พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา พร้อมด้วยคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร และความมั่นคงของรัฐ นำโดย พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว. ฐานะประธานกมธ. น.ต.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สว. และ พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ สว.ออกแถลงการณ์เพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหากรณีแนวชายแดนไทย-กัมพูชา 

โดย พล.อ.สวัสดิ์ ระบุว่า จากเหตุการณ์ความขัดแย้งแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จากฝ่ายกัมพูชาฐานะผู้กระทำที่ไร้ความจริงใจ และบ่อนทำลายประเทศไทยด้วยสารพัดวิธี เพื่อหวังครอบครองแผ่นดินไทเป็นของตน  และจากสภาพปัญหาที่ซับซ้อนและตึงเครียด และมีความเห็นจากเวทีวิชาการมองว่าการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลจากผู้นำไทยนั้นด้อยความสามารถ ขาดภาวะผู้นำ และกลับขานรับคำว่า โน แมนส์ แลนด์ ตามที่คนนอกรัฐบาลเหยียบย่ำซ้ำเติมด้วยการบอกว่าให้เปลี่ยนจากการยิงกันเป็นการเตะตระกร้อม เพราะพื้นที่ดังกล่าวมีแต่ป่า ทำเป็น โน แมนส์ แลนด์ ดีกว่า 

ทั้งนี้หน้าที่ของวุฒิสภาในการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน  มีสิทธิขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อให้ ครม. แถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 เพื่อให้สว.เสนอความคิดและแนวทางในการคลี่คลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้รัฐบาลนำไปประกอบการตัดสินใจโดยเร็วต่อไป

"จากเหตุการณ์ต่างๆ และสถานการณ์บ้านเมืองที่เป็นอยู่ การที่ผู้นำรัฐบาล คือ นายกฯ ขาดความน่าเชื่อถือ ส่งผลกระทบในทางลบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อครม. โดยเฉพาะการแก้ปัญหาชายแดน ซึ่งกระทบต่ออธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดนของไทย หากปล่อยให้นายกฯ และครม.ดำเนินการแก้ไขเรื่องนี้ตามอำเภอใจ อาจทำให้อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนไทยถูกรุกล้ำและยึดครอง" พล.อ.สวัสดิ์ ระบุ

ขณะที่ พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า การเปิดอภิปรายทั่วไปดังกล่าวเป็นอำนาจของสว. ที่จะทำได้ โดยรัฐบาลไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่ในขั้นตอนอาจต้องถามรัฐบาลว่าสะดวกมาเมื่อไร อย่างไรก็ดีการเข้าร่วมประชุมวุฒิสภาเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและรายละเอียดต่อการแก้ปัญหาจะเป็นผลดีกับรัฐบาล ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดการบิดเบือน และทำให้คนไทยตระหนก

“การแก้ปัญหาในพื้นที่ รัฐบาลจำเป็นต้องมีมาตรการที่กระชับ และเข้มงวด และทันท่วงที ไม่ใช่เลือกการตอบโต้ที่ไม่เข้มแข็ง หรือ ผ่อนปรนให้กับกัมพูชา  อย่างไรก็ดีผมสนับสนุนให้ใช้กระบวนการพูดคุยผ่านกลไกทวิภาคีต่างๆ ทั้ง อาร์บีซี เจบีซี และ จีบีซี  ทั้งนี้การแก้ไขสถานการณ์ขัดแย้งนั้นต้องคำนึงประโยชน์ชาติ อธิปไตและบูรณภาพแห่งดินแดนน” พล.อ.เกรียงไกร กล่าว

สำหรับกรณีที่สว. เรียกร้องให้เปิดประชุมวิสามัญเพื่อแก้ปัญหาข้อพิพาท แต่รัฐบาลปฏิเสธนั้น ทำให้รัฐบาลเสียโอกาสรับฟังแนวทางที่จะนำไปกำหนดมาตรการแก้ปัญหา และไม่มีสมาชิกรัฐสภาเป็นหลักพิง ทั้งนี้กรณีพิพาทเขตแดนนั้นไม่มีเฉพาะในพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานีเท่านั้นแต่ยังมีแนวพรมแดน อื่นๆ ที่รัฐบาลจำเป็นต้องกำหนดนโยบายและมาตรการเพื่อให้ผู้ปฏิบัติหน้าแนว ทั้งทหาร พลเรือนและฝ่ายปกครองไปดำเนินการที่จำเป็นต้องใช้การแก้ไขที่เป็นเอกภาพ

อย่างไรก็ตาม การเลิกเอ็มโอยู  43 นั้น พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า เอ็มโอยูดังกล่าวไม่ได้ให้การยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน เพราะเป็นแผนที่มาทีหลัง และไม่ได้รับการรับรอง ทั้งนี้เชื่อว่าจะไม่ทำให้ไทยเสียเปรียบ เพราะไทยยึดแผนที่ 1 ต่อ 5 หมื่น


 

TAGS: #สว. #ซักฟอกทั่วไป #เขมร #รัฐบาล