รวบแพทย์หญิงคนดัง รพ.ตำรวจ อ้างชื่อ 11 คลินิกสั่งซื้อ “ยาเสียสาว” พบ เงินหมุนกว่า 80 ล้าน

รวบแพทย์หญิงคนดัง รพ.ตำรวจ อ้างชื่อ 11 คลินิกสั่งซื้อ “ยาเสียสาว” พบ เงินหมุนกว่า 80 ล้าน
สธ.จับมือ อย.-ตำรวจ ปส. ร่วมกันตรวจค้นแฟลตตำรวจ พร้อมคุมตัวแพทย์หญิงสังกัด รพ.ตำรวจ หลังพบหลักฐานสั่งซื้อยาเสียสาว มาขายนอกระบบ ตั้งแต่ปี 65 อ้างชื่อ 11 คลินิก เงินหมุนเวียนกว่า 80 ล้านบาท

นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ลงพื้นที่ตรวจค้นแฟลตตำรวจเฉลิมลาภ กรุงเทพมหานคร จับกุมผู้ต้องหาคดีลักลอบจำหน่ายยาควบคุมประเภทออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท เพื่อนำไปใช้ผสมเป็น “ยาเสียสาว”

ดร.ธนกฤต เผยว่า ปฏิบัติการครั้งนี้เกิดขึ้นหลังได้รับเบาะแสเกี่ยวกับความผิดปกติในการสั่งซื้อยานอนหลับและยาควบคุมจากสถานพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งพบว่ามีการนำยาไปใช้ในลักษณะผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการผสมในน้ำดื่มเพื่อให้ผู้บริโภคหมดสติหรือมึนงง จึงประสานงานกับ พล.ต.ต.นพสิทธิ์ และ พ.ต.อ.สุรพงษ์ จาก ปส.1 เข้าดำเนินการสอบสวนและขยายผล ข้อมูลจาก อย. ระบุว่า ระหว่างปี 2565–2568 มีการสั่งซื้อยาดังกล่าวรวมมูลค่ากว่า 15 ล้านบาท แต่เมื่อสืบเส้นทางการเงินกลับพบว่ามีความเคลื่อนไหวทางบัญชีสูงถึงกว่า 80 ล้านบาท

จากการขยายผลพบว่าผู้เกี่ยวข้องเป็น พ.ต.อ.หญิง ซึ่งเป็นแพทย์ในสังกัดโรงพยาบาลตำรวจ และมีพฤติกรรมจำหน่ายยาให้คลินิกอื่นไม่ต่ำกว่า 12 แห่ง ขณะเดียวกัน แฟลตตำรวจที่ตรวจค้นยังเป็นแหล่งพักยาที่มีทั้งยาเสพติดประเภท 2 และ 4 โดยเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดของกลาง และเตรียมขยายผลสอบสวนต่อไป ทั้งยังพบว่ามีข้าราชการที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบจำหน่ายยาครั้งนี้ไม่น้อยกว่า 6 ราย โดยทั้งหมดเป็นบุคลากรในโรงพยาบาลตำรวจเดียวกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบสวนและรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีและรายงานให้กระทรวงสาธารณสุขแถลงข่าวต่อไป

ด้านกระทรวงสาธารณสุขยังได้ประสานกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ส่งรองอธิบดีฯ ลงพื้นที่ร่วมตรวจสอบ เนื่องจากสถานที่บางแห่งเป็นคลินิกที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวง ซึ่งจำเป็นต้องเข้าตรวจโดยไม่ต้องขอหมายค้น ดร.ธนกฤต กล่าวว่า กรณีนี้เป็นภัยต่อสังคมอย่างยิ่ง เพราะยาที่ถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์เหล่านี้ ก่อให้เกิดผลกระทบด้านความปลอดภัยต่อประชาชนอย่างร้ายแรง ยืนยันว่าทุกหน่วยงานจะร่วมกันขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด และดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

ด้านพล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ เผยความคืบหน้าการสอบสวนคดีลักลอบนำเข้ายาควบคุมไปใช้ในทางผิดกฎหมาย โดยเฉพาะยานอนหลับที่ถูกนำไปผสมเป็น “ยาเสียสาว” ว่า การขยายผลจากผู้ต้องหาในคดีนี้แบ่งเป็น 2 ส่วนสำคัญ คือ กลุ่มที่มีหน้าที่เก็บรักษายา และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่าย ซึ่งเบื้องต้นพบว่าผู้ดูแลการเก็บรักษายา เป็นนายแพทย์หญิงยศพันตำรวจเอก ซึ่งอาศัยอยู่ในแฟลตตำรวจโดยใช้สิทธิ์ข้าราชการในการพักอาศัย แต่กลับนำห้องมาเป็นสถานที่เก็บยาและลักลอบจำหน่ายยานอกระบบ

จากการสืบสวนพบหลักฐานชัดเจนตั้งแต่ขั้นตอนการติดต่อซื้อขาย การโอนเงิน และการเชื่อมโยงเครือข่ายยาเสพติดที่ผิดกฎหมาย โดยมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินนอกระบบจำนวนมาก ในทางคดี เจ้าหน้าที่ได้พยานหลักฐานเชิงนิติวิทยาศาสตร์ เช่น ดีเอ็นเอที่ตรวจพบในอุปกรณ์เกี่ยวกับยา และวัตถุพยานอื่น ๆ ซึ่งช่วยยืนยันตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องและการกระทำความผิดได้อย่างชัดเจน โดย พล.ต.อ.สุชาติ ระบุว่า “พยานหลักฐานทั้งหมดมัดแน่น ไม่น่ามีปัญหาในการดำเนินคดี”

สำหรับแนวทางดำเนินการต่อไป จะมีการแจ้งข้อหาหลายประการกับผู้ต้องหา รวมถึงการดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และการยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด นอกจากนี้ยังมีการสอบสวนความผิดทางวินัย อาทิ การนำบุคคลภายนอกเข้าพักในแฟลตข้าราชการ และการกระทำผิดในฐานะเจ้าพนักงานซึ่งมีโทษทางอาญาสูงกว่าปกติ

นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยถึงความผิดปกติในกระบวนการจัดซื้อยาควบคุมที่ใช้เป็นส่วนประกอบใน “ยาเสียสาว” ว่า ยาดังกล่าวอยู่ภายใต้การกำกับของ อย. โดยสามารถสั่งซื้อและจ่ายยาได้เฉพาะแพทย์ในสถานพยาบาลที่ได้รับอนุญาต ซึ่งระบบสามารถตรวจสอบได้ตั้งแต่ขั้นตอนการสั่งซื้อ การชำระเงิน การจัดส่ง ไปจนถึงการรายงานการใช้ยา

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่ามีการสั่งซื้อยาปริมาณมากผิดปกติ โดยใช้ชื่อแพทย์คนเดียวกันในการสั่งซื้อให้กับคลินิกหลายแห่งในเครือข่าย แม้เบื้องต้นจะพบว่าเกี่ยวข้องกับแพทย์รายเดียว แต่การสอบสวนเชิงลึกยังพบพฤติกรรมแอบอ้างใช้รายชื่อผู้เสียชีวิตในการเบิกจ่ายยา ซึ่งเป็นสัญญาณว่ามีการนำยาดังกล่าวไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย

ด้านนายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข กล่าวเสริมว่า จากการตรวจสอบ พบว่ารายชื่อที่ใช้เบิกยาบางรายเสียชีวิตไปนานแล้ว สะท้อนถึงความจงใจในการกระทำความผิด และเมื่อมีการสืบสวนเพิ่มเติมก็พบว่า มีการกระจายยาดังกล่าวออกจากคลังในลักษณะรวดเร็ว โดยอาศัยบริการรับส่ง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างดำเนินคดีทั้งในแง่ความผิดตามกฎหมายยาเสพติด การฟอกเงิน และการกระทำผิดวินัยข้าราชการ โดยผู้ต้องหารายสำคัญขณะนี้ถูกควบคุมตัวไว้เรียบร้อยแล้ว และจะมีการแถลงข่าวชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมในลำดับถัดไป

TAGS: #หมอแอร์ #ยาเสียสาว #รพตำรวจ