สมเด็จฮุนเซน ประธานองคมนตรีกัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊กสวนกระแสกลุ่มหัวรุนแรงไทย ยืนยันสามเหลี่ยมมรกตเป็นของกัมพูชา พร้อมขึ้นศาลโลกหากจำเป็น ด้านไทยจ่อปิดด่านทั้ง 16 แห่ง หลังเกิดเหตุปะทะดุเดือดที่ช่องบก
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานองคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ของตนเอง ระบุข้อความว่า
"มีคนไทยหัวรุนแรงบางกลุ่ม เข้ามาในเฟซบุ๊กของผม เพื่อโพสต์ข้อความดูหมิ่นและหยาบคาย ซึ่งจงใจจะทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัฐบาลและประชาชนของทั้งกัมพูชาและไทย และต้องการยั่วยุให้เกิดความตึงเครียดที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งทางทหารระหว่างสองประเทศ
บุคคลบางกลุ่มในประเทศไทยเรียกร้องให้กัมพูชาถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ ซึ่งขณะนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของทหารกัมพูชา เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดในประวัติศาสตร์ ผมขอชี้แจง 3 ประเด็นดังนี้
1. พื้นที่สามเหลี่ยมมรกตนี้เป็นดินแดนของกัมพูชา และทหารกัมพูชาได้ประจำการอยู่ในพื้นที่นี้มาตั้งแต่ก่อนข้อตกลงสันติภาพกรุงปารีส - ประมาณ 13 หรือ 14 ปีก่อนบันทึกความเข้าใจ (MOU) เมื่อปี 2543 ด้วยซ้ำ ซึ่ง UNTAC (องค์การบริหารชั่วคราวแห่งสหประชาชาติในกัมพูชา) อาจสามารถเป็นพยานให้ได้ หากยังไม่ชัดเจน กัมพูชาและไทยสามารถตกลงกันเพื่อยื่นเรื่องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ณ กรุงเฮก โดยใช้แผนที่ทางการที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล (ไม่ใช่แผนที่ที่วาดขึ้นเองเพื่ออ้างสิทธิในที่ดิน) เพื่อยุติปัญหานี้ให้เด็ดขาดตามหลักการ "ไม่ใช่แค่นั่งดูควัน แต่ต้องดับไฟให้หมด" เพื่อความสุขและความสามัคคีของคนรุ่นหลัง และเพื่อไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก
2. รูปถ่ายของผม ภรรยา และเพื่อนร่วมงานที่ไปเยี่ยมพื้นที่นี้เมื่อกว่า 15 ปีก่อน เป็นหลักฐานชัดเจนว่านี่คือดินแดนของกัมพูชา เป็นไปไม่ได้เลยที่ผมจะสวมเครื่องแบบทหารแล้วไปถ่ายรูปในดินแดนของไทยหรือของลาวในบริเวณนั้น ขณะนั้นผมกำลังต้อนรับทหารลาวที่หอประชุมแห่งหนึ่งในพื้นที่นั้น (ซึ่งต่อมาถูกเผาทำลายไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน)
3. กัมพูชาไม่สามารถถอนทหารออกจากดินแดนของตนเองได้ เพียงเพราะไทยเรียกร้องให้ทำเช่นนั้น กลยุทธ์แบบนี้เคยถูกใช้โดยอดีตนายกรัฐมนตรีไทย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเคยบอกกับผมต่อหน้าอดีตประธานาธิบดีอินโดนีเซียในปี 2554 ว่าทั้งสองฝ่ายควรถอนทหารออกจากพื้นที่ปราสาทพระวิหาร
ผมได้บอกอภิสิทธิ์อย่างชัดเจนว่าผมไม่สามารถถอนทหารกัมพูชาออกจากดินแดนของเราเองได้ และเขาควรเป็นฝ่ายถอนทหารผู้รุกรานของตนออกไปโดยไม่มีเงื่อนไข สิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่สามเหลี่ยมมรกตเมื่อสามวันที่แล้ว เป็นเพียงอีกตอนหนึ่งของแผนการที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ในการพยายามยึดดินแดนของกัมพูชา โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับล่างเป็นผู้ลงมือ และได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มหัวรุนแรงในไทย"
ล่าสุด มีรายงานว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กชาวไทย ไม่สามารถเข้าถึงเฟซบุ๊กของ สมเด็จฯ ฮุนเซน ได้แล้ว
สะพัดเตรียมประกาศปิดด่านตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา
ขณะเดียวกันมีรายงานจากหน่วยงานความมั่นคง ภายหลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ทำให้ฝ่ายทหารกัมพูชาเสียชีวิตและบาดเจ็บ จนมีการการปลุกกระแสในโซเชียลมีเดีย ภายในประเทศกัมพูชา งดซื้อสินค้าของไทยทุกชนิดเพื่อเป็นการตอบโต้
หน่วยงานความมั่นคงของไทย ได้ตระหนักถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน ที่ทำมาค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้าน กังวลจะเกิดการกระทบกระทั่งจากกรณีดังกล่าว จึงได้เรียกประชุมด่วน เพื่อประกาศปิดด่านตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ดังนี้
ปิดจุดผ่านแดนถาวร 6 แห่ง
1. ช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ
2. ช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์
3. บ้านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
4. บ้านแหลม อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดราชบุรี
5. บ้านผักกาด อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดราชบุรี
6. บ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด
ปิดจุดผ่อนปรน 10 แห่ง
1. ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี
2. บ้านตาพระยา อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว
3. บ้านหนองปรือ อำเภอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
4. บ้านเขาดิน อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว
5. บ้านซับตารี อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี
6. บ้านบึงชนังล่าง อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี
7. บ้านสวนส้ม อำเภอสายดาว จังหวัดจันทบุรี
8. บ้านหมื่นดาน ตำบลบ่อพร้อย อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด
9. บ้านชมง ตำบลนนทรี อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด
10. ช่องสายตะกู ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์
รวมถึง ปิดจุดผ่อนปรนเพื่อการท่องเที่ยว ช่องทางขึ้นเขาพระวิหาร อำเภอ กันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ และจุดผ่อนปรน ตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์