“ทนายยิ่งลักษณ์” เผย 22 พ.ค.นี้ ลุ้นศาลปกครองสูงสุดนัดชี้ขาดคดีชดใช้จำนำข้าว 3.5 หมื่นล.หลังชนะมาแล้วในศาลปกครองกลาง เผยหากได้เฮ ต้องปลดล็อกทรัพย์สินทั้งหมด
นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เผย ได้รับหนังสือแจ้งจากสำนักงานศาลปกครองว่า ในวันที่ 22 พ.ค.นี้ เวลา 13.30 น. ศาลปกครองสูงสุดนัดฟังการอ่านคำพิพากษา ในคดีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับพวกรวม 2 คน ฟ้องคดีกับนายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 9 คน ในคดีที่กระทรวงการคลังได้มีคำสั่งให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายในโครงการรับจำนำข้าว หลังก่อนหน้านี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชนะคดีมาแล้วในชั้นศาลปกครองกลาง แต่ผู้ถูกร้องคือกระทรวงการคลัง ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ส่วนผลจะเป็นอย่างไร ขอไม่ให้ความเห็นตอนนี้ขอให้รอดูผลคำตัดสินที่จะออกมา
เมื่อถามว่า จนถึงขณะนี้ กรมบังคับคดีอายัดและยึดทรัพย์น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปจำนวนเท่าใด และหากชนะคดีแบบที่ศาลปกครองกลาง จะฟ้องกลับหน่วยงานรัฐที่อายัด-ยึดทรัพย์น.ส.ยิ่งลักษณ์ก่อนหน้านี้หรือไม่ นายนรวิชญ์ กล่าวว่า เท่าที่จำได้มีการยึดอายัดทรัพย์ของอดีตนายกฯไปมากแล้ว และพบว่านำทรัพย์สินบางส่วนไปขายด้วย แต่ตัวเลขที่มีการอายัด-ยึดทรัพย์ไปก่อนหน้านี้จำไม่ได้ว่าเป็นจำนวนเงินเท่าใด ซึ่งหากผลออกมาเช่นถ้าชนะคดี ก็จะทำให้ทรัพย์สินที่อายัดไว้ก็ต้องปลดล็อกการอายัด ส่วนเรื่องการฟ้องกลับหรือไม่นั้น ตอนนี้ทีมทนายความยังไม่ได้คิดตรงนั้น ต้องรอฟังผลคำตัดสินวันศุกร์นี้ก่อน แต่ทราบว่าก่อนหน้านี้อายัดทรัพย์ไปเกือบหมดแล้ว และนำทรัพย์สินไปดำเนินการอยู่ระหว่างการรอขายทอดตลาด
สำหรับคดีนี้ ย้อนไปเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2564 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 135/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค. 2559 ที่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717,273,028 บาท โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี ร่วมกันยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงคลัง กรมบังคับคดี อธิบดีกรมบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่ง กรุงเทพมหานคร กรณีที่ร่วมกันมีคำสั่งดังกล่าวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ซึ่งศาลปกครองกลางให้เหตุผลว่า เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะการทุจริตเกิดขึ้นในเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่หลายคนเกี่ยวข้อง แต่การสอบสวนของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด กลับมิได้ดำเนินสอบสวนให้ได้ว่า เจ้าหน้าที่คนใดควรต้องรับผิดเป็นจำนวนเท่าใดจากการทุจริต อีกทั้งนางสาวยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี รับรู้เกี่ยวข้องเฉพาะขั้นตอนการทำเอ็มโอยู เพื่อให้มีการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ แต่ในส่วนการทำสัญญาระบายข้าวไม่ได้เกี่ยวข้อง อีกทั้งกระทรวงการคลัง ก็รับว่าไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นผู้กระทำให้เกิดความเสียหายโดยตรง และขั้นตอนการตรวจสอบของคณะกรรมการสอบสวนความรับผิดทางละเมิดก็ไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด
ต่อมารัฐบาลในยุคพล.อ.ประยุทธ์ ให้กระทรวงการคลังยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลปกครองสูงสุด จนกระทั่งศาลปกครองสูงสุดนัดฟังคำตัดสินวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ ซึ่งหากน.ส.ยิ่งลักษณ์ชนะคดี ก็จะทำให้คดีถึงที่สุด น.ส.ยิ่งลักษณ์และสามีไม่ต้องชดใช้เงินในโครงการรับจำนำข้าว
ส่วนเรื่องคดีอาญาน.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ระหว่างการหลบหนีหมายจับของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ตัดสินว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ มีความผิดฐานเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ แต่ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวและเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้ง จึงตัดสินจำคุกเป็นเวลา 5 ปี