กทม. เตือนประชาชนรับมือ "PM2.5" สูงเกินมาตรฐาน คาดลากยาวถึงเดือน ก.พ. พร้อมขอความร่วมมือทุกภาคส่วน WFH ช่วยลดปริมาณฝุ่น
นายพันศักดิ์ ถิรมงคล ผู้อำนวยการกองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษกล่าวว่า การเกิดฝุ่น PM 2.5 เป็นวัฏจักรที่มักเกิดขึ้นในฤดูหนาว สำหรับในปีนี้กรมควบคุมมลพิษได้ติดตามแต่คาดการณ์ล่วงหน้า 7 วัน พบว่าจะเกินมาตรฐานในวันที่ 27 ม.ค. 66 และจะเกิดพื้นที่สีส้มทั่วกรุงเทพฯ อีกครั้งในวันที่ 1 ก.พ. 66 ซึ่งปัญหานี้จะอยู่กับเราไปจนถึงเดือนเมษายน โดยทางด้านอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าปีนี้มีความแห้งแล้งมากกว่าปีที่ผ่านมา นี่เป็นปัจจัยส่งเสริมทำให้ PM2.5 อาจจะรุนแรงขึ้น ซึ่งจากสถิติที่ผ่านพบว่าเดือนที่มักจะมีความรุนแรงของ PM2.5 มากที่สุดคือเดือนกุมภาพันธ์
ต่อมา นางสาววรนุช สวยค้าข้าว รองผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม ได้ให้แนวทางของกทม. หากค่าฝุ่น PM2.5 เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ 3 ส่วน ได้แก่ เฝ้าระวังและแจ้งเตือน กำจัดต้นตอ และการแนะนำการป้องกันดูแลสุขภาพ ซึ่งกทม.จะนำค่าระดับฝุ่นประกอบกับค่าการพยากรณ์ของกรมควบคุมมลพิษ เพื่อเป็นข้อมูลสถานการณ์และนำมาใช้ในการวางแผนการทำงาน เป็น 4 ระดับ
- ระดับที่ 1 (ฟ้า) ค่าไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม. จะใช้ 15 มาตรการ เช่น ตรวจไซด์ก่อสร้าง ตรวจโรงงาน ให้มีการฉีดพ่นน้ำเพื่อไม่ให้มีการฟุ้งกระจายของฝุ่น
- ระดับที่ 2 (เหลือง) ค่า 37.6-50 มคก./ลบ.ม. จะมีการเพิ่มความเข้นข้นในการตรวจมากยิ่งขึ้น
- ระดับที่ 3 (ส้ม) ค่า 51-75 มคก./ลบ.ม. จะมีการแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประสานงานขอความร่วมมือให้ทำงานแบบ Work From Home 60% รวมถึงลดงานและกิจกรรมที่เกิดฝุ่นละออง
- ระดับที่ 4 (แดง) ค่ามากกว่า 75 มคก./ลบ.ม. จะขอความร่วมทำงานแบบ Work From Home 100% เพราะเป็นการช่วยลดมลพิษได้เป็นอย่างมากรวมถึงการปิดโรงเรียน
ทั้งนี้นายแพทย์เอกชัย ได้เน้นย้ำให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่สีส้มหรือสีแดง ช่วยกันดูแลเป็นห้องปลอดฝุ่น ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมมือกับหลายหน่วยงาน แนะนำศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทำอย่างไรให้ปลอดฝุ่น รวมไปถึงห้องเรียนให้ปลอดฝุ่น เช่น ปิดหน้าต่างให้มิดชิด มีระบบพัดลมระบายอากาศ มีเครื่องปรับอากาศ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องคอยทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศเป็นประจำทุกเดือน และที่สำคัญอยากให้ทุกคนคอยเช็คสภาพอากาศก่อนออกนอกบ้านตามช่องทางต่างๆ เพื่อจะได้ปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้อง
นายพรพรหม กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ กทม.ได้บูรณาการการทำงานเชิงรุกมากขึ้น มีการตรวจควันดำจากรถบรรทุกในพื้นที่ไซด์งานก่อสร้างอย่างเข้มข้น รวมถึงขอความร่วมมือประชาชนใช้บริการรถสาธารณะให้มากขึ้นโดยเฉพาะในวันที่ 27 ม.ค.และวันที่ 1 ก.พ.นี้ที่ค่าฝุ่นในกรุงเทพจะเป็นสีแดง ส่วนมาตรการที่จะให้ประชาชน Work From Home ในวันที่ค่าฝุ่นสูงนั้น
กทม. ได้ทำหนังสือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงขอความสมัครใจจากภาคเอกชน ซึ่งตอนนี้ มี 11 บริษัทเอกที่สนใจและจะเข้าร่วม Work From Home กับ กทม. รวมถึงได้แจ้งเตือนขอให้ประชาชนงดออกกำลังกายกลางแจ้ง ส่วนโรงเรียนขอให้ปิดหน้าต่างและให้โรงเรียนงดทำกิจกรรมนักเรียนนอกอาคาร ขณะที่การสวมใส่หน้ากากอนามัยหากเป็นหน้ากากอนามัยปกติจะป้องกันฝุ่น PM2.5 ได้น้อย หากเป็นหน้ากาก N95 จะสามารถกรองและป้องกันฝุ่น PM2.5 ได้มากกว่า
อีกทั้งปีนี้กทม.ได้ขยายคลินิกอนามัย เพื่อรองรับผู้ป่วยมีอาการป่วยด้วยระบบทางเดินหายใจ จากเดิม 3 แห่งเป็น 5 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะสามารถแก้ปัญหาและรองรับสถานการณ์ได้
- คลินิกมลพิษทางอากาศโรงพยาบาลกลาง
- คลินิกมลพิษทางอากาศโรงพยาบาลตากสิน
- คลินิกมลพิษทางอากาศโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์
- คลินิกมลพิษทางอากาศโรงพยาบาลราชพิพัฒน์
- คลินิกมลพิษทางอากาศโรงพยาบาลสิรินธร
ประชาชนสามารถ เข้าใช้บริการได้ทันที โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงต้องระวังเป็นพิเศษ เช่น เด็กเล็ก,สตรีมีครรภ์,ผู้มีโรคภูมิแพ้,หอบหืด,เยื่อบุตาอักเสบ,โรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานาน สามารถเข้ารับคำปรึกษาและการตรวจรักษาได้ทันที พร้อมย้ำว่าปัญหาฝุ่น PM2.5 นั้นกทม. กรมอนามัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญและปีนี้เป็นความร่วมมือที่จะประสานงานการส่งต่อข้อมูลเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาได้รวดเร็วขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้สามารถตรวจสอบข้อมูลคุณภาพอากาศผ่านทางช่องทางต่างๆ ได้แก่
แอปพลิเคชัน AirBKK
เว็บไซด์ airbkk , air4thai ,สำนักข่าวประชาสัมพันธ์กรุงเทพมหานคร
Facebook สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร, กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม,กรุงเทพมหานคร
นอกจากนี้กรณีพบเห็นแหล่งกำเนิดมลพิษสามารถแจ้งเบาะแส ผ่านทาง Traffy Fondu