"ประเสริฐ" เผยเตรียมประชุมร่วม "รัฐบาลไทย-กัมพูชา" จัดการเด็ดขาด "แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ - ยาเสพติด" ภายในกค.นี้

"ประเสริฐ"  เผยเตรียมจัดประชุมร่วม "รัฐบาลไทย-กัมพูชา" จัดการเด็ดขาด "แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ - ยาเสพติด"  ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ เผย "ดีอี" วางนโยบาย "สร้างคน" สอดคล้องกับการพัฒนาเทคโนโลยี AI 

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยถึงการเป็นประธานการประชุมผู้บริหารกระทรวงดีอี (Top Executives) ครั้งที่ 4/2568 โดยมีนายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ รองปลัดกระทรวงดีอี , นางปิยนุช วุฒิสอน รองปลัดกระทรวงดีอี พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงดีอีเข้าร่วมการประชุมว่าจากข้อสั่งการของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) จังหวัดนครพนม ได้มอบหมายให้กระทรวงดีอี ดำเนินการ 2 เรื่องสำคัญ โดยเรื่องที่ 1 ให้กระทรวงดีอี เป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบการประชุมร่วมเรื่องปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ไทย-กัมพูชา โดยกำหนดให้มีการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีไทย-กัมพูชา (Joint Cabinet Retreat- JCR) ณ จังหวัดสระแก้ว เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาระหว่างชายแดนของ 2 ประเทศร่วมกัน โดยมีวาระการประชุมเรื่องการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมทั้งเรื่องมาตรการการป้องกัน PM 2.5 และการปราบปรามยาเสพติด ภายในเดือน กรกฎาคม 2568 นี้ โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานความร่วมมือเพื่อดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายของทั้ง 2 ประเทศ


 
สำหรับการประชุม JCR ที่จะเกิดขึ้น มีเป้าหมายเพื่อยกระดับการทำงานด้านการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ร่วมกันระหว่างรัฐบาลไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะการทำความเข้าใจกับการทำธุรกิจของผู้ประกอบการโทรคมนาคม ซึ่งมีการให้เช่าสัญญาณโทรคมนาคม กับคู่สัญญาที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยจะมีการตรวจสอบ และเฝ้าระวังคู่สัญญาที่ละเมิดและทำผิดกฎหมาย
 
สำหรับเรื่องที่ 2 คือมอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงดีอี ดำเนินการสำรวจผลกระทบที่เกิดขึ้นจากมาตรการภาษีของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจดิจิทัล ทั้งความเชื่อมั่นด้านการลงทุน รวมทั้งการศึกษาในด้าน Digital Services Tax สำหรับแพลตฟอร์ม OTT (Over The Top) โดยเฉพาะกับผู้ประกอบการด้านดิจิทัล และประชาชน 
 
นายประเสริฐ กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้มีการพิจารณาในประเด็นอื่นๆ ที่สำคัญ อาทิ พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 และพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 โดยพระราชกำหนดทั้ง 2 ฉบับนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป (13 เมษายน 2568) โดยจะเข้าสู่วาระการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เพื่อให้ สภาฯ พิจารณาผ่านความเห็นชอบ และเรื่องการจัดทำสำมโนประชากรของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการสำรวจ โดยได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นที่น่าพอใจ เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งประชาชนสามารถตอบแบบสอบถามการสำรวจสำมะโนประชากรได้ ผ่านทางแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ และเว็บไซต์สำนักงานสถิติแห่งชาติ https://www.nso.go.th/nsoweb/index 
 
“การประชุมในครั้งนี้ มีวาระการหารือเรื่องของการเร่งรัดดำเนินการของหน่วยงานกระทรวงดีอี รวมทั้งการหารือเรื่องเรื่องการขับเคลื่อนการใช้เทคโนโลยี AI โดยกระทรวงดีอี มีนโยบายการขับเคลื่อนด้านการพัฒนาบุคลากร การสร้างการเรียนรู้ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ในด้านต่างๆ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของบอร์ด AI แห่งชาติ โดยเฉพาะการสร้างกำลังคน ผ่านการอบรมทักษะ หรือการบรรจุหลักสูตรการเรียนรู้ AI ในระดับตั้งแต่เยาวชน ประชาชนทั่วไป โดยมีเป้าหมายเพื่อให้คนไทยมีศักยภาพ และความพร้อมในการรับมือกับเทคโนโลยี AI ในอนาคต” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี กล่าวย้ำ
 

TAGS: #ประเสริฐ #รัฐบาลไทย #แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ #ยาเสพติด #AI