ผู้แทนการค้าไทยหารือผู้บริหารระดับสูงอินโดนีเซีย กระตุ้นการค้าและการลงทุน

ผู้แทนการค้าไทยหารือผู้บริหารระดับสูงอินโดนีเซีย กระตุ้นการค้าและการลงทุน
ไทย-อินโดฯร่วมการประชุมกระตุ้นการค้าสองฝ่าย รมช.ด้านการลงทุนอินโดฯสนใจดึงบริษัทชั้นนำไทยร่วมลงทุนด้าน การดูแลสุขภาพ เภสัช พลังงานหมุนเวียน ที่อยู่อาศัย เห็นพ้องอาเซียนรวมตัวรับมือภาษีทรัมป์

นายอุเมส ปานเดย์ ผู้แทนการค้าไทย (TTR) ผู้รับผิดชอบดูแลตลาดอาเซียนตามนโยบายของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ได้จัดการประชุมร่วมกับหลายหน่วยงานที่กรุงจาการ์ตา (อินโดนีเซีย) เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการกระตุ้นการค้าและการลงทุนระหว่างสองเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของกลุ่มประเทศอาเซียน

การประชุมมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการค้าสองฝ่ายระหว่างทั้งสองประเทศซึ่งมีมูลค่าเพียง 18.24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2567 ซึ่งต่ำกว่ามูลค่าการค้ากับมาเลเซียและเวียดนามตามลำดับ สำหรับด้านการลงทุน บริษัทชั้นนำของไทยหลายแห่ง เช่น บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน), บริษัท ลานนา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน), บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในนักลงทุนรายใหญ่ที่ได้ลงทุนในเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตของอินโดนีเซีย

ในระหว่างการเยือนระหว่างวันที่ 21-25 เมษายน 2568 นายอุเมสได้จัดการประชุมร่วมกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการลงทุน นายนูรัล อิชวาน และคณะกรรมการประสานงานการลงทุนอินโดนีเซีย (BKPM) และผู้บริหารระดับสูงของกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติที่ตั้งขึ้นใหม่มูลค่า 900 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ - ดานาตารา (Danatara)

นายนูรัลและดานาตาราแสดงความสนใจอย่างมากที่จะให้บริษัทไทยเข้าร่วมในโครงการพัฒนาต่างๆ ในอินโดนีเซีย โดยเน้นด้านการดูแลสุขภาพ เภสัชกรรม พลังงานหมุนเวียน ที่อยู่อาศัย โครงสร้างพื้นฐาน ไอที เทคโนโลยี และยานยนต์ นายอุเมสได้ให้คำมั่นว่าจะชักชวนนักลงทุนไทยและส่งเสริมให้มีการพิจารณาศักยภาพของตลาดอินโดนีเซียอย่างใกล้ชิดมากขึ้น

นายอุเมสยังได้จัดการประชุมร่วมกับกระทรวงการค้าอินโดนีเซีย โดยมีคณะผู้แทนนำโดยคุณเดียห์ โรโร เอสติ วิดยา ปุตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีการค้าอินโดนีเซีย ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าและเปิดโอกาสให้มีการเข้าถึงสินค้าและบริการมากขึ้น โดยเฉพาะผลผลิตทางการเกษตร

ทั้ง 2 ฝ่ายยังตกลงที่จะจัดการเจรจาโดยตรงเกี่ยวกับประเด็นที่เป็นอุปสรรคต่อการเพิ่มมูลค่าการค้า ฝ่ายอินโดนีเซียยังเห็นด้วยว่าไทยควรเพิ่มมูลค่าการค้าให้มากกว่า 18.24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปัจจุบัน โดยทำให้เป็นคู่ค้าที่สูงกว่ามาเลเซียและเวียดนาม

นอกจากนี้ ฝ่ายไทยยังได้เจรจาเพื่อให้อินโดนีเซียซื้อข้าวเพิ่มเติมจากไทย และเชิญคุณเดียห์ โรโรให้นำคณะนักธุรกิจอินโดนีเซียเข้าร่วมงาน Thaifex ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-31 พฤษภาคม 2567

ในประเด็นเกี่ยวกับผลกระทบจากการที่สหรัฐอเมริกากำหนดภาษีทั่วไปสำหรับสินค้าที่เข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ มีความเห็นตรงกันเป็นเอกฉันท์ในการประชุมต่างๆ ว่ากลุ่มอาเซียนจำเป็นต้องมีเสียงที่เป็นหนึ่งเดียวกัน

องค์กรภาคอุตสาหกรรม เช่น หอการค้าและอุตสาหกรรมอินโดนีเซีย (KADIN) ยังเห็นด้วยว่าในสภาพแวดล้อมปัจจุบัน ประเด็นที่เป็นอุปสรรคต่อการเพิ่มการค้าและการลงทุนควรถูกวางไว้ และให้ความสำคัญในเรื่องความร่วมมือกันระหว่างไทยและอินโดนีเซียเพื่อเอาชนะผลกระทบจากสงครามภาษี

นายอุเมสและ KADIN เห็นพ้องกันว่าควรมีการจัดกิจกรรมจับคู่ทางธุรกิจเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและอินโดนีเซีย เมื่อผู้นำของทั้งสองประเทศเยือนประเทศของกันและกัน

TAGS: #ผู้แทนการค้าไทย #อินโดนีเซีย #ปูนซิเมนต์ไทย #อุเมสปานเดย์