"แพทองธาร" ให้การต้อนรับ "นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย" ในโอกาสเยือนไทย หารือ 3 เรื่องหลัก อาเซียนร่วมรับมือ"ภาษีสหรัฐ"
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในโอกาสเยือนไทย เพื่อประชุมหารือและติดตาม รวมทั้งผลักดันความร่วมมือทวิภาคีระหว่างไทยกับมาเลเซีย ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น ภายหลังจากที่ น.ส.แพทองธาร ได้เดินทางเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2567 และมีการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างผู้นำทั้งสอง เมื่อวันที่ 5 เม.ย.2568
จากนั้นเวลา 14.30 น. น.ส.แพทองธาร แถลงถึงผลการหารือว่า ได้พูดคุยกับนายอันวาร์ 3 เรื่อง คือ 1.เรื่องของสะพานสุไหงโก-ลก ที่มีการตกลงและจะดำเนินการต่อ ขณะนี้อยู่ในช่วงการก่อสร้างและจะเสร็จในปี คศ.2027 และ 2.เรื่องความสงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ขอความร่วมมือกับทางประเทศมาเลเซีย โดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องของเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาหารฮาลาล และโครงการนิคมอุตสาหกรรมยางพารา (Rubber City) โดยเรามีความเห็นว่าจะเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า เพื่อจะได้ช่วยเหลือทางเศรษฐกิจซึ่งกันและกัน 3.เรื่องของภาษีสหรัฐอเมริกา โดยหารือกันว่าภูมิภาคอาเซียนจะสามารถรวมพลังกันอย่างไรได้บ้าง เพราะหากรวมประชากรในอาเซียนก็ถือว่าเยอะและมีความแข็งแรง
นายกฯ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้เราก็ดูว่าแต่ละประเทศมีทางออกกันอย่างไร ซึ่งนายอันวาร์ ในฐานะที่เป็นประธานอาเซียน ก็อยากได้รับความร่วมมือว่าจะมีทางออกหรือแก้ไขอย่างไรบ้าง
เมื่อถามว่า การจับมือกับอาเซียนในการต่อสู้มาตรการภาษีจะเป็นลักษณะใด น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ในรายละเอียดที่ลงเป็นข้อ 1 2 3 ยังไม่ได้พูดคุยกัน แต่เราพูดในเชิงว่าอะไรที่เราจะช่วยสนับสนุนกัน เราพร้อมสนับสนุนในมุมของกลุ่มอาเซียนหรือไม่ ซึ่งไทยพร้อมร่วมมือกับอาเซียนและเราไม่เน้นเรื่องความรุนแรง การเจรจาอันไหนที่วินๆได้เราพยายามทำแบบนั้น
เมื่อถามว่าในส่วนของรัฐบาลเดินหน้าไปมากแค่ไหน เพราะช่วงสงกรานต์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาบอกว่าได้พูดคุยกับคนรอบข้าง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ไปหลายคนแล้ว น.ส.แพทองธาร ตอบว่า นายทักษิณ ได้คุยแบบไม่เป็นทางการหลายคนแล้ว ถือเป็นประโยชน์อย่างหนึ่งเพราะการไม่ได้คุยกับคนที่มีตำแหน่งโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นนายกฯหรือรัฐมนตรีจะสามารถรวบรวมความคิดเห็นกันได้ก่อน และทางอเมริกาอยากได้ความคิดเห็นของไทยด้วยเช่นกัน เป็นการคุยนอกรอบว่าประมาณไหนดีที่จะสนับสนุนซึ่งกันและกันได้ อันนี้ถือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เรื่องการพูดคุยทางการ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง จะไปคุยก่อน ตอนนี้สามารถนัดวันได้แล้วคือวันที่ 23 เม.ย. โดยเป็นการคุยกับระดับรัฐมนตรี แต่ยังไม่แน่ใจว่าเป็นใครรอการยืนยันอีกครั้ง
เมื่อถามว่าตัวนายกฯมีโอกาสต่อสายตรงถึง นายโดนัลด์ ทรัมป์ หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า หากถามว่าได้หรือไม่ในภาวะปกติความจริงได้ แต่พอตอนนี้ทุกประเทศเข้าคิวในการพูดคุยเราก็ไปตามขั้นตอนว่าจะต้องคุยแบบนี้ แต่อย่างที่บอกหลายทางที่สามารถพูดคุยได้ตนก็คุยด้วยเช่นกัน อาจจะไม่เป็นทางการตนก็คุยเช่นกัน อะไรเป็นคอนเนคชั่นที่เราสามารถพูดได้ก็ทำ
เมื่อถามว่าการเตรียมความพร้อมของรัฐบาลไทย สามารถพูดได้หรือไม่ว่าน่าจะมีข่าวดี น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า คิดว่าข้อเจรจาต่อรองของเราที่เตรียมไปแข็งแรงพอสมควร และเรามั่นใจว่ามันจะเป็นเรื่องบวกของทั้งสองประเทศ เราคิดว่าเราเป็นประเทศที่ต้องพูดคุยอย่างแฟร์ๆ เพราะเราสามารถให้ประโยชน์กับเขาได้เช่นกันและเขาก็ให้ประโยชน์กับเราได้เช่นกัน อยากให้คุยกันเป็นแนวนั้น เพราะเรามีความสัมพันธ์ที่ดีมายาวนาน คิดว่าน่าจะคุยแล้วเกิดผลดี เมื่อถามว่าจะใช้อะไรเป็นแต้มต่อในการเจรจา น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เป็นเรื่องการค้าต่างๆ แต่ในรายละเอียดให้นายพิชัย เป็นคนแถลง ซึ่งแน่นอนว่าเราต้องดูผลประโยชน์ของประเทศเรา ของประชาชนไม่ให้เสียไป อันนี้เป็นเรื่องสำคัญและทราบอยู่แล้วว่าต้องเน้นย้ำเรื่องนี้
เมื่อถามอีกว่าจุดแข็งของเราคืออะไร น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า จุดแข็งเรามีสินค้ามากมายที่ส่งให้เขา และความจริงสินค้าเราราคาดี หลายอย่างมีรายละเอียดมากที่สามารถพูดคุยและต่อรองกันได้ ไม่ใช่แค่สินค้าเกษตร แต่ทุกรายละเอียดเคยถูกกางมาแล้วตั้งแต่ก่อนมาตรการภาษีจะออก
เมื่อถามว่าเรามีมาตรการเตรียมความพร้อมช่วยผู้ประกอบการน้ำเข้าส่งออกหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า อันนี้เน้นเลย เรื่องช่วยผู้ประกอบการไทยเราเน้น นอกจากติดต่อกับสหรัฐฯแล้ว ตนยังพูดคุยกับทีมทำงานว่าเราควรสนับสนุนเอกชนในการลงทุนในต่างประเทศด้วย เพราะที่ผ่านมารัฐยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจนในเรื่องนี้ ตอนนี้กำลังทำให้ชัดเมื่อเป็นรูปเป็นร่างแล้วจะมาพูดให้ฟัง แต่ความตั้งใจที่สื่อสารไปกับคณะทำงานทีมงานก็เห็นด้วยว่าตอนนี้ภาคเอกชนที่ไปลงทุนต่างประเทศไปด้วยตัวเอง ถ้าได้ภาครัฐสนับสนุนอาจทำได้ดีกว่าเดิมไม่ต้องเสี่ยงเท่าเดิม ตนเคยอยู่ภาคเอกชนมาถ้าได้การสนับสนุนจากภาครัฐคงเป็นความร่วมมือที่ทำประโยชน์ให้ประเทศอย่างมาก ซึ่งเรื่องนี้ตนจะทำแผนต่อ
เมื่อถามว่าได้ประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยจากเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ความจริงต้องมีการปรับตัวเพราะภาษีต่างๆยังไม่ได้ถูกปรับใหม่ ทำให้ออกมาเป็นตัวเลขที่ยังไม่ได้เป็นมาตฐานจริงๆ บางอันเราอาจได้เปรียบมากขึ้น บางอันประโยชน์อาจจะน้อยลง มันต้องเกลี่ยทั้งกระดาน ขอให้ผู้ประกอบการทุกท่านมั่นใจว่าตนเป็นนักธุรกิจมาก่อน ทราบว่าไม่มีใครอยากเสียผลประโยชน์ แต่เราพยายามคุยตรงนี้ให้เราเองแข็งแรงในการเจรจาต่อรอง ขอให้มั่นใจรัฐบาลดูเรื่องนี้อย่างเต็มที่ เมื่อถามว่าการเจรจาจะเจรจาภาษีทั้งระบบหรือเป็นสินค้าแต่ละชนิด นายกฯ กล่าวว่า ให้นายพิชัยเป็นผู้แถลง
เมื่อถามว่า นายทักษิณ บอกว่าไม่ค่อยได้พบนายกฯแล้วพูดคุยกันอย่างจริงจัง ช่วงสงกรานต์ที่ได้พูดคุยกันนายทักษิณ ได้แนะนำอะไรบ้าง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ได้พูดคุยอัพเดตแต่ความจริงไม่ได้เจอท่านเลย เพราะตนไม่ค่อยมีเวลา เมื่อได้เจอที่เชียงใหม่ก็ได้พูดคุยกัน โดยตนรีบไปนั่งรถกับท่านแล้วให้ลูกนั่งรถอีกคัน ท่านก็อัพเดทเรื่องของสหรัฐฯว่าได้คุยกับคนนั้นคนนี้ คุยไปทิศทางว่าจะไปทางนั้นทางนี้อย่างไรบ้าง ตอนที่ตนเด็กๆอายุ 10 ขวบมีโอกาสพบกับครอบครัวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เมืองไทย ได้ทานข้าวด้วยกัน นายทักษิณ ทราบแนวทางของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ว่าเป็นนักธุรกิจ ท่านก็บอกว่าสามารถคุยกันได้อยู่แล้วอะไรที่เป็นประโยชน์ทั้งเขาและเรา เขาแค่ไม่อยากเสียประโยชน์ของเขา เพราะมีประเทศใหญ่ๆอีกมากที่ดีลกับเขาโดยตรง เขาก็พยายามให้ทุกประเทศแฟร์ ซึ่งเราก็ดูแนวทางมาว่าประมาณไหนบ้างก็ปรึกษากัน
เมื่อถามถึงความคืบหน้าการพูดคุยคณะกรรมการสันติสุขชุดใหม่ นายกฯ กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกันในรายละเอียดในเรื่องของทีมงานจะให้สนับสนุนกันมากขึ้นได้อย่างไรบ้าง ซึ่งตรงนี้จะเป็นเรื่องของรายละเอียดต่อไป ส่วนเรื่องการพูดคุยในระดับรัฐมนตรี ระดับนายกรัฐมนตรี ลงไปในทีมทำงานขอให้ราบรื่นและมีความต่อเนื่อง เพราะบางครั้งถ้าเราไม่ได้คุยกันในทุกระดับก็จะมีความท้าทายในการทำงาน ซึ่งเรื่องนี้ได้บอกไปแล้วว่าจะให้ทุกระดับพูดคุยกันให้ชัดเจน เมื่อถามว่ายังให้มาเลเซียเป็นผู้อำนวยการความสะดวกในการพูดคุยเหมือนเดิมใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ใช่ค่ะ