ชวนคู่ นับถอยหลัง 23 ม.ค. จดทะเบียน "สมรสเท่าเทียม" ทั่วไทย

ชวนคู่ นับถอยหลัง 23 ม.ค. จดทะเบียน
เปิดจดทะเบียน "สมรสเท่าเทียม" 23 ม.ค.พรุ่งนี้ ทุกเขตทุกอำเภอทั่วไทย เตรียมตัวให้พร้อมเช็กคุณสมบัติของผู้จะจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมเลย

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (23 ม.ค. 68) จะนับเป็นวันประวัติศาสตร์สำคัญของการเปลี่ยนแปลงกฎหมายว่าด้วยการสมรส และครอบครัวของประเทศไทย ด้วยเป็นจุดเริ่มที่พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 หรือกฎหมายสมรสเท่าเทียม จะมีผลใช้บังคับ

โดยตั้งแต่กฎหมายได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 24 ก.ย. 67 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ได้มีข้อกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรมการปกครองที่ดูแลงานงานทะเบียนครอบครัว การให้บริการจดทะเบียนสมรส ให้เตรียมความพร้อม และมีการติดตามการดำเนินการในด้านต่างๆ โดยต่อเนื่อง กระทั่งมีความพร้อมทุกด้าน สำหรับบริการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมของสำนักทะเบียน 878 อำเภอใน 76 จังหวัดทั่วประเทศ และ 50 เขต ในกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ 23 ม.ค. 68 เป็นต้นไป

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า กรมการปกครองได้รายงานให้นายอนุทิน ทราบว่าขณะนี้ได้เตรียมความพร้อมแล้วทุกด้านไม่ว่าจะเป็นกฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจดทะเบียนครอบครัว (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2568 เพื่อรองรับการจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายใหม่ก็ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 68 ที่ผ่านมา และจะมีผลบังคับ 23 ม.ค. 68 ทางด้านระบบมีการแก้ไขพร้อมทดสอบระบบทะเบียนสมรสและทะเบียนหย่าเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งจัดเตรียมผลิตแบบพิมพ์ ใบสำคัญการสมรส (คร.3) และใบสำคัญการหย่า (คร.7) เพื่อรองรับการให้บริการที่เพิ่มขึ้น

ส่วนที่สำคัญที่สุดคือ บุคลากร กรมการปกครองได้อบรมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทะเบียนให้มีความรู้ทั้งด้านกฎหมาย การปรับกรอบความคิดให้พร้อมบริการประชาชนบนหลักความเสมอภาคและเท่าเทียม คำนึงถึงสิทธิมนุษยชน

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 68 ที่ผ่านมา นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง ยังได้ส่งหนังสือซักซ้อมการปฏิบัติตามกฎหมายสมรสเท่าเทียมไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ให้นายทะเบียนทุกเภอ/เขต ศึกษาระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการจดทะเบียนสมรสให้เป็นไปตามเงื่อนไขของกฎหมาย

พร้อมกับให้ทุกเภอชี้แจงเกี่ยวกับการกับกฎหมายใหม่ในที่ประชุมประจำเดือนหัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อนำไปสู่การรับรู้ข้อกฎหมายของประชาชนในวงกว้าง

นอกจากนี้ ยังได้ซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับบริการ จดทะเบียนสมรสระหว่างคนไทยกับคนต่างชาติ หรือกับบุคคลผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน ตลอดจนการปฏิบัติหน้าที่ของนายทะเบียนในการรับจดทะเบียนสมรสของบุคคลเพศเดียวกันซึ่งเป็นมุสลิม ที่ต้องถือปฏิบัติตามแนวทางของสำนักจุฬาราชมนตรี

"ในวันพรุ่งนี้ (23 ม.ค. 68) กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครองจะมีกิจกรรม "ตีฆ้องชัย ให้ทุกความรัก 878 อำเภอทั่วไทย" ที่อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ขณะที่อำเภอต่าง ๆ ทั่วประเทศก็จะมีกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ เพื่อเฉลิมฉลองให้กับทุกความรัก และในโอกาสเริ่มต้นที่สำคัญนี้ท่านอนุทิน ได้ขอให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุก ๆ คน ร่วมอำนวยความสะดวกและบริการประชาชนให้เต็มที่ ให้ความสำคัญกับเคารพสิทธิมนุษยชน และให้ภูมิใจที่กระทรวงมหาดไทยได้เป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยในระดับนานาชาติ ในฐานะประเทศที่ยอมรับและเคารพสิทธิมนุษยชนสนับสนุนเพศที่หลากหลาย"

ขณะที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงความพร้อมในการให้บริการจดทะเบียนสมรสตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม หรือกฎหมายสมรสเท่าเทียม ที่จะมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการในวันที่ 23 ม.ค. 68 ว่า

ขณะนี้กรุงเทพมหานคร (กทม.) มีความพร้อมเต็มที่ในการให้บริการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ เพราะว่าโดยหลักการแล้วเป็นการจดทะเบียนสมรสเหมือนปกติทั่วไป เป็นหลักการเดียวกันที่ทำให้ทุกคนเท่าเทียมกัน สิ่งที่สำคัญคือรายละเอียดของสิทธิต่าง ๆ ภายหลังจากการจดทะเบียนสมรสแล้ว เช่น หากเป็นข้าราชการภายหลังจดทะเบียนสมรสแล้วจะมีสิทธิการลา การเบิกค่ารักษาพยาบาล เป็นอย่างไรบ้าง เป็นต้น ซึ่งต้องดูให้ละเอียด

ในส่วนของการให้บริการประชาชน กรุงเทพมหานครได้มีการอบรมให้ความรู้กับเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมไปแล้ว เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องให้ความใส่ใจ รวมถึงเรื่องการใช้คำพูดต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของคนที่แตกต่างและมีความหลากหลาย ซึ่งคำพูดที่ใช้ในกลุ่มเพื่อนกับคำพูดที่ใช้ในการให้บริการย่อมแตกต่างกัน ได้มีการเน้นย้ำในเรื่องนี้เพราะมีความละเอียดอ่อน ต้องให้มีความเข้าใจกันในการให้บริการ

“การจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมในวันพรุ่งนี้ (23 ม.ค. 68) ถือเป็นก้าวสำคัญเพราะเป็นวันแรกที่กฎหมายมีผลใช้บังคับ แต่หลังจากนี้ก็จะเหมือนการจดทะเบียนสมรสทั่วไป และทุกคนก็จะเหมือนกัน เท่าเทียมกัน” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวในตอนท้าย

โดยสำนักงานเขตทั้ง 50 เขตของกรุงเทพมหานคร มีความพร้อมในทุกด้านในการให้บริการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมแก่ประชาชนในวันพรุ่งนี้ (23 ม.ค. 68) ตั้งแต่เวลา 08.00 - 16.00 น. ซึ่งหลายสำนักงานเขตได้จัดเตรียมของที่ระลึก เพื่อร่วมแสดงความยินดีและเฉลิมฉลองให้กับทุกความรักที่ได้รับความเท่าเทียมครั้งประวัติศาสตร์นี้ด้วย

นอกจากนั้น กรุงเทพมหานครยังได้ร่วมจัดงานและให้บริการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมที่สยามพารากอน เป็นกรณีพิเศษ โดยเปิดให้บริการเวลา 08.00 - 18.00 น. ซึ่งจะมีสำนักงานเขตปทุมวันเป็นหน่วยงานหลักและประสานความร่วมมือกับสำนักงานเขตที่เกี่ยวข้อง 3 - 4 เขต มาร่วมให้บริการ มีการจัดเตรียมแบบฟอร์ม อุปกรณ์ และสัญญาณการสื่อสาร เรียบร้อยแล้ว

ซึ่งในส่วนของกิจกรรม “Marriage Equality - สมรสเท่าเทียม” ณ Paragon Hall ชั้น 5 สยามพารากอน เขตปทุมวัน จะจัดขึ้นในวันที่ 23 มกราคม 2568 ตั้งแต่เวลา 10.00 - 22.00 น. ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้พบกับพิธีจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมครั้งแรก เสวนาเกี่ยวกับการสร้างครอบครัวหลากหลาย นิทรรศการเส้นทางสู่สมรสเท่าเทียม มินิคอนเสิร์ตจากศิลปินแนวหน้า และงานเฉลิมฉลองบนพรมแดงสีรุ้ง Pride Carpet สัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจและการยอมรับ พร้อมแสดงออกถึงตัวตนผ่านการแต่งกายที่สะท้อนอิสรภาพทางความคิดและจิตวิญญาณแห่งความรัก

สำหรับคุณสมบัติของผู้จะจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมมีดังนี้

1. บุคคลทั้งสองจะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ กรณีผู้เยาว์ต้องนำบิดามารดาหรือผู้ปกครองมาให้ความยินยอมด้วย กรณีอายุต่ำกว่า 18 ปี จะต้องได้รับอนุญาตจากศาล

2. ไม่เป็นคนวิกลจริต หรือไร้ความสามารถ

3. ไม่เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดา หรือร่วมแต่บิดามารดา

4. ไม่เป็นคู่สมรสของบุคคลอื่น

5. ผู้รับบุตรบุญธรรมจะสมรสกับบุตรบุญธรรมไม่ได้

6. หญิงที่ชายผู้เป็นคู่สมรสตาย หรือการสมรสสิ้นสุดลงด้วยประการอื่น จะสมรสใหม่ได้ต่อเมื่อสิ้นสุดการสมรสไปแล้วไม่น้อยกว่า 310 วัน เว้นแต่ คลอดบุตรแล้วในระหว่างนั้น ศาลมีคำสั่งให้สมรสได้ มีใบรับรองแพทย์ว่าไม่ได้ตั้งครรภ์ สมรสกับคู่สมรสเดิม

โดยเอกสารที่ต้องใช้ในการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม กรณีคนไทยกับคนไทย ประกอบด้วย บัตรประจำตัวประชาชน หรือยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชัน ThaiD กรณีคนไทยกับคนต่างชาติ เอกสารประกอบด้วย บัตรประจำตัวประชาชนคนไทย หรือยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชัน ThaiD หนังสือเดินทางคนต่างชาติ หนังสือรับรองสถานภาพการสมรสที่แสดงว่าไม่มีคู่สมรสในขณะที่จะจดสมรส

และกรณีคนต่างชาติกับคนต่างชาติ เอกสารประกอบด้วย หนังสือเดินทาง และหนังสือรับรองสถานภาพการสมรสที่แสดงว่าไม่มีคู่สมรสในขณะที่จะจดสมรส ทั้งนี้ การจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม ทั้ง 3 กรณี จะต้องมีพยาน 2 คน ซึ่งเป็นบุคคลที่บรรลุนิติภาวะ
แท็กที่เกี่ยวข้อง  

TAGS: #สมรสเท่าเทียม #จดทะเบียน